บอร์ดตลาดหลักทรัพย์มีมติห้ามนายกิตติพัฒน์เป็นผู้บริหาร รอยเนท และบริษัทจดทะเบียนอื่น
(แบล็กลิสต์) 10 ปี และขยายเวลาห้ามซื้อขายหุ้นรอยเนทต่อไป พร้อมแก้เกณฑ์รับหลักทรัพย์
กำหนดบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดใหม่ (MAI) ต้องกำไรปีล่าสุด และดำเนินงานต่อเนื่องอย่างน้อย
2 ปี ก่อนเข้า พร้อมยกเลิกหมวด Hi-Growth ใน MAI และให้บริษัทที่จะเข้า MAI ต้องมีที่ปรึกษาการเงิน
และคณะกรรมการตรวจสอบ จากเดิม เคยผ่อนผันให้ ส่วนช่วงเวลาห้ามขายหุ้น (ไซเลนต์
พีเรียด) กำหนดให้ผู้ถือหุ้นก่อนขายหุ้นประชาชน ห้ามขายหุ้น 1 ปีครึ่ง โดย 6 เดือนแรก
ห้ามขายทั้งจำนวน หลัง 6 เดือนแรก ทยอยขายได้ 25% ทุก 6 เดือน หวังเรียกความเชื่อมั่นผู้ลงทุนตลาดทุนไทยคืน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยมติคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งประชุมวานนี้ (พุธ 26 กุมภาพันธ์) ว่าคณะกรรมการพิจารณาเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ ต่อกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
กรณีจงใจตกแต่งบัญชีเพื่อลวงผู้ถือหุ้น และบุคคลอื่น ที่จะซื้อหุ้นบมจ.รอยเนท
ว่าบริษัทกำไร ทั้งที่ขาดทุน ยังใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายใน โดยขายหุ้นบางส่วนก่อนเผยแพร่งบการเงินงวดไตรมาส
3 ปี 2545 รวมทั้งไม่มีการรายงานซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งในฐานะกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่
เพื่อต้อง การปกปิดผู้อื่นไม่ให้ทราบความเคลื่อนไหวถือหลักทรัพย์ เป็นความผิดตามมาตรา
56 ประกอบมาตรา 300 มาตรา 59 238 241 246 และ 312 แห่งพระราช บัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. 2535
"คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เห็นว่า การกระทำดังกล่าว เป็นเหตุให้ ก.ล.ต.กล่าวโทษ
มีผลกระทบร้ายแรงต่อสิทธิประโยชน์ หรือการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน ตลอดจนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหลักทรัพย์
ห้ามกิตติพัฒน์บริหาร บจ. 10 ปี
จึงมีมติให้ใส่ชื่อนายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ ในบัญชีรายชื่อบุคคลที่ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าไม่สมควรเป็นผู้บริหาร
10 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาสูงสุดตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยบัญชีรายชื่อบุคคลที่ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่า
ไม่สมควรเป็นผู้บริหาร พ.ศ. 2544
"ซึ่งจะมีผลให้นายกิตติพัฒน์ไม่สามารถทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการ หรือผู้บริหารใน
บมจ. รอยเนทได้ และยังไม่สามารถดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือผู้บริหาร บริษัทจดทะเบียนอื่น
ๆ 10 ปี แต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546 ถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556" กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์กล่าว
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติขยายเวลา ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ บมจ.รอยเนทต่อไปจากเดิมที่จะสิ้นสุด
7 มีนาคมนี้ จนกว่าบริษัทจะรายงานข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุนชัดเจนและครบถ้วน
และตลาดหลักทรัพย์พิจารณางบการเงินประจำปีของบริษัท และพิจารณาผลแก้ไขจนพ้นเหตุแห่งการเพิกถอนหลักทรัพย์บริษัทแล้ว
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ยังมีมติปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ใหม่
ซึ่งปรับปรุงครั้งล่าสุด 3 ธันวาคม 2544 ครั้งนั้น ผ่อนผัน เกณฑ์รับหลักทรัพย์สอดคล้องกับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล
ยกเลิกผ่อนผันกำไร บจ.
คณะกรรมการพิจารณาแล้ว มีมติยกเลิกการผ่อนผันเกณฑ์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรื่องผลประกอบการ การดำเนินงานต่อเนื่อง และผู้บริหารชุดเดียวกัน จากที่ผ่อนผันจนถึงกันยายน
2547 เป็น บริษัทต้องมีผลดำเนินงานต่อเนื่องกัน 2 ปี และมีผู้บริหารชุดเดียวกัน
ก่อนจดทะเบียน 1 ปี รวมทั้งส่วนผลประกอบการ กำหนดให้บริษัทต้องมีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจปีล่าสุด
สำหรับตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ยกเลิกหมวด Hi-Growth Enterprises ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีบริษัทใดจดทะเบียนตามเกณฑ์หมวดนี้
และปรับปรุงเกณฑ์ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เพิ่มคุณภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับเกณฑ์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กล่าวคือ บริษัทที่จะจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ใหม่ ต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ
40 ล้าน บาท กำไรสุทธิปีล่าสุด ผู้บริหารชุดเดียวกันอย่างน้อย 1 ปี ผลดำเนินงานต่อเนื่องกัน
2 ปี รวมทั้งต้องมีที่ปรึกษาการเงินและคณะกรรมการตรวจสอบ
"การปรับเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใหม่นี้ จะทำให้เกิดความมั่นใจคุณภาพบริษัทที่จดทะเบียนมากขึ้น
และผู้ลงทุนมีข้อมูลผลดำเนินงานในอดีตของบริษัท เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างเพียงพอ
รวมทั้งจะทำให้มีบุคคลภายนอกช่วยกลั่นกรองคุณภาพบริษัทที่จะจดทะเบียน โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก"
นายกิตติรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ ปรับปรุงเกณฑ์เสนอขายหุ้นต่อประชาชนและเกณฑ์กระจายหุ้นตลาดหลักทรัพย์ใหม่
ให้สอดคล้องเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย
ไซเลนต์ปีครึ่ง
คณะกรรมการฯ ยังมีมติปรับปรุงเกณฑ์ห้ามขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ใหม่
จากเดิมกำหนดห้ามผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม และผู้เกี่ยวข้อง ห้ามขาย
หุ้น (ไซเลนต์ พีเรียด) 35% ของทุนชำระแล้ว เป็นเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี เป็นกำหนดเวลาห้ามขายหุ้น
1 ปีครึ่ง 100% ของบุคคลดังกล่าว หลังจาก 6 เดือนแรกแล้ว จะสามารถทยอยขายหุ้นได้
25% ของจำนวนที่ถูกห้ามขาย ทุก 6 เดือน เมื่อครบกำหนด สามารถขายส่วนที่เหลือได้
"ตามเกณฑ์ใหม่ ผู้จะอยู่ในช่วงห้ามซื้อขายหุ้น ตามเกณฑ์นี้ ได้แก่ ผู้ที่ถือหุ้นก่อนจำหน่ายประชาชน
ทั่วไปทั้งหมด ยกเว้นกรณีถือหุ้นในจำนวนที่ไม่มีนัยสำคัญ และไม่มีส่วนร่วมบริหาร
หรือควบคุมบริษัทหลักเกณฑ์ใหม่นี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนมีเวลาติดตามผลดำเนินงานบริษัท
ภายใต้การบริหารงานต่อเนื่องของผู้บริหารบริษัทได้ เวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจของผู้ลงทุนโดยตรง"
นายกิตติรัตน์กล่าว
ตลาดหลักทรัพย์จะเสนอหลักเกณฑ์ใหม่ ดังกล่าว เพื่อขอความเห็นชอบ ก.ล.ต.ต่อไป