"ครั้งนี้ถือเป็นการแต่งงานที่สมบูรณ์แบบมากเลยทีเดียว"

คำกล่าวข้างต้นของคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ มิได้เป็นคำกล่าวอวยพรในงานมงคลสมรสของคู่บ่าวสาวใด แต่นี่เป็นคำเปรยเปิดตัวผู้ถือหุ้นรายใหม่ของบริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TCMC เจ้าของพรมแบรนด์ Royal Thai หรือที่คนไทยคุ้นหูกันในนาม "พรมไทปิง" มานานร่วม 40 ปี

หาก TCMC เป็นเจ้าสาว เจ้าบ่าวรายนี้ก็คงเปรียบได้กับนักธุรกิจหนุ่มไฮโซจากดูไบ นั่นคือบริษัท เดป้า อินทิเรีย บริษัทออกแบบ และตกแต่งที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ภายใต้เครือของเดป้า ยูไนเต็ด กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการออกแบบ ก่อสร้าง และตกแต่งที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก

ผลงานชิ้นระดับโลกของกลุ่มเดป้าฯ ก็เช่น พระราชวังแห่งดูไบ, โรงแรมเรือใบ Burj Al Arab ในดูไบ, โรงแรมในเครือ Grand Hyatt และ Sheraton ในหลายประเทศ รวมถึงเรือสำราญหรูหราติดอันดับโลกที่ชื่อ "มิลเลเนียม" เป็นต้น

"เหตุที่เราเลือก TCMC เพราะเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำส่วนแบ่งในตลาด และมี Good Governance นอกจากจะมีสินค้าและผลประกอบการที่ดี" มร.โมฮัมหนาด เสวท ประธานกรรมการ บริหาร กลุ่มบริษัท เดป้า ยูไนเต็ด หยอดคำหวานกลางงานแถลงข่าว

ณ วันแถลงข่าว ครอบครัวศรีวิกรม์ถือหุ้นรวมกัน 30% เศษๆ ขณะที่พาร์ตเนอร์ชาวดูไบรายนี้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 20% ทั้งนี้ มร.โมฮัมหนาด ยืนยันว่า จะไม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องการบริหารจัดการของ TCMC

ขณะที่ TCMC ก็ต้อนรับพาร์ตเนอร์ราย ใหม่ด้วยการลงทุนอีกกว่า 200 ล้านบาท ในการ เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการ ของตลาดพรีเมียมในระดับอินเตอร์ โดยมีเดป้าฯ เป็นผู้โรยกลีบกุหลาบไว้ตลอดเส้นทางให้แก่พรมรอยัลไทย และเคียงบ่าเคียงไหล่โกอินเตอร์ไปด้วยกัน

และนี่ก็ทำให้เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการ TCMC เชื่อว่า จากความร่วมมืออันดี ในอนาคตอันใกล้นี้ บริษัทฯ น่าจะมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากตลาดต่างประเทศสูงถึง 65-70% จากปัจจุบัน ที่มีอยู่ 50%

"ผมรู้สึกว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และก็มั่นใจว่าครั้งนี้ จะเป็นความสัมพันธ์ระยะยาว"

มร.โมฮัมหนาดจบท้ายมธุรสวาจาที่เป็นดังยาหอมให้สาวสูงวัย ที่ล่วงเข้า 70 ปีอย่างคุณหญิงศศิมายิ้มได้อย่างวางใจราวกับกำลังส่ง ลูกหลานเข้าหอไปกับคู่ครองที่เหมาะสมเป็นที่สุด... สมใจของเธอ