ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับบริษัทไปรษณีย์ไทย เพราะต้องสงบนิ่งรอดูการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมาระยะหนึ่ง หลังจากนี้ไปขั้นตอนการทำงานของบริษัทจะเดินหน้าต่อไปพร้อมกับการเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ ซึ่งถือว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของบริษัทแห่งนี้ที่มาจากการสรรหาตามกฎหมายใหม่

ในความเป็นจริงการสรรหาเสร็จสิ้นมานานพอสมควร โดยผู้เสนอตัวที่เข้าข่ายมีอยู่ 2 คนคือ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจกับวุฒิพงษ์ โมฬีชาติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านปฏิบัติการ

สิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่คนแรกจบมาจากต่างประเทศ ส่วนคนที่สอง จบมาจากโรงเรียนการไปรษณีย์ แต่การแข่งขันก็จบลงด้วยการขอถอนตัวของวุฒิพงษ์

สำหรับออมสิน ชีวะพฤกษ์ ใช้เวลาถึง 30 ปี จากพนักงานระดับ 4 ในปี 2520 ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทไปรษณีย์ไทย ในปี 2550 เรียกได้ว่ารู้ระบบและความเป็นไปของบริษัทไปรษณีย์ไทยอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงเป็นที่มาของแผนการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ ภายใต้การบริหารของเขา

สิ่งที่ผู้บริหารคนใหม่เข้ามาปรับเปลี่ยนและถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญก็คือ การปรับให้บริษัทไปรษณีย์ไทยมีความคล่องตัว เพื่อรับมือกับการแข่งขันได้มากขึ้น โครงสร้างใหม่จึงเกิดขึ้นด้วยการแต่งตั้งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ถึง 12 คน ดูแลแต่ละสายงานที่มีการจัดกลุ่มใหม่ให้ทำงานสะดวกขึ้น

เมื่อรวมกับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ 1 ตำแหน่งทำให้ทีมบริหาร ชุดใหม่ของไปรษณีย์ไทยมีถึง 13 คน

ไม่มีใครรู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือบังเอิญกับหมายเลข 13 นี้ แต่ดูแล้วคนไปรษณีย์เองก็ไม่เครียดว่าจะต้องเป็นตัวเลขไหน แค่เป็นข้อสังเกตของคนนอกเท่านั้น

โครงสร้างใหม่ของไปรษณีย์ไทย ความสำคัญจะไปอยู่ที่สายการตลาด และสายปฏิบัติการ ที่จะมีความชัดเจนในการทำงานมากขึ้น เพื่อเป็นการปูทางให้บริษัทสามารถขยายงานได้ทั่วถึง โดยเฉพาะ ในตลาดที่มีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องแปลกใจหากในปี 2550 นี้ ไปรษณีย์ไทยจะมีบริการใหม่ๆ ออกมามากขึ้น

กรรมการผู้จัดการใหญ่คนล่าสุดบอกว่า การเข้ามารับงานในปีนี้ต้องทำงานหนักขึ้น เพราะต้องหากิจกรรมสร้างรายได้ให้กับบริษัท ต่างจากปี 2549 ที่มีฟุตบอลโลกเข้ามาช่วยกระตุ้นจนทำให้รายได้เพิ่มขึ้น สิ่งที่เขามองว่าจะทำให้ไปรษณีย์มีรายได้เพิ่มขึ้นน่าจะมาจากการขายหวยออนไลน์ หากรัฐบาลมีนโยบายกลับมาทำต่อ แต่หากหยุดไปก็ต้องหากิจกรรมอื่นมาเสริม

อีกสิ่งหนึ่งที่ทีมบริหารชุดใหม่ตั้งความหวังไว้ก็คือ การจัดทำแผนแม่บทด้านอินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (IT Roadmap) ที่ดำเนินงานไปแล้วด้วยการว่าจ้างมืออาชีพภายนอกเข้ามาจัดทำให้ และคาดว่าในไตรมาสที่สองของปีนี้จะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งระบบนี้จะทำให้การพัฒนาสินค้าบริการของไปรษณีย์ไทยขยายตัวและพัฒนาได้มากขึ้น โดยเฉพาะบริการด้านธนาณัติ ออนไลน์ EMS Pay at Post พัสดุ

คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ว่าจดหมาย 1 ฉบับ ติดแสตมป์พร้อมส่งราคาไม่เกิน 5 บาท ต้องใช้คน เครื่องไม้ เครื่องมือมากน้อยขนาด ไหน และแน่นอนว่าผู้ที่ต้องออกแรงมากที่สุดก็คือ 13 ผู้บริหารชุดใหม่นี้แหละ