เอ็กซิมแบงก์ถอดใจเศรษฐกิจปีหมูซบ ตั้งเป้าสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศลดลงเหลือ 5 พันล้านบาทจากปีที่แล้วปล่อยได้ 5.57 พันล้านบาท ประเทศลาวสัดส่วนสูงสุด 2.4 พันล้านบาท หวังทุ่มปล่อยกู้โครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้า รองลงมาเป็นกัมพูชา 1.44 พันล้าน พร้อมตั้งสำนักงานที่รัสเซียสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการไทย

แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.)หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อในโครงการระหว่างประเทศช่วงปี 2550 ไว้จำนวน 5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อไว้ทั้งสิ้น 18 ประเทศ ได้แก่ ประเทศลาวมีการกำหนดวงเงินในสัดส่วนสูงที่สุดประมาณ 2,410 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ กัมพูชา 1,440 ล้านบาทและ สหรัฐอเมริกา 258 ล้านบาท

สำหรับเหตุผลที่มีการตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อให้กับประเทศลาวในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากรัฐบาลลาวกำลังมีโครงการเตรียมสร้างเขื่อน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น โครงการ เขื่อนน้ำงึม 2 และ 3 และ โครงการเขื่อนน้ำเทิน 2 ซึ่งรัฐบาลลาวเตรียมโครงการขยายการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไทย จีน เวียดนาม โดยมีเป้าหมายในการสร้างรายได้จากการจำหนายกระแสไฟฟ้าเป็นมูลค่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553 และเตรียมก้าวสู่การเป็นศูนย์พลังงานไฟฟ้าที่สำคัญของอาเซียนในระยะต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเอ็กซิมแบงก์ได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลลาว เพื่อเตรียมแผนขายพันธบัตรลาวเอเชียบอนด์ เพื่อใช้ระดมทุนในการก่อสร้างเขื่อนน้ำงึม 2 วงเงิน 2,300 ล้านบาท แยกเป็นการเปิดขายพันธบัตรเอเชียบอนด์ในวงเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อดำเนินการจำหน่ายแบบเฉพาะเจาะจง(Private Placement : PP) ให้กับนักลงทุนสถาบันจำนวน 10 ราย ที่แสดงความสนใจเข้าลงทุน โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันภัย ประกันชีวิตและธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ส่วนที่เหลือเป็นการขอกู้เงินจากเอ็กซิมแบงก์อีกประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้บางส่วนเพื่อไปดำเนินโครงการแล้ว จึงทำให้สัดส่วนสินเชื่อที่ธนาคารปล่อยกู้ให้กับประเทศลาวจึงมีสัดส่วนที่สูงกว่าประเทศอื่นในปีนี้

นอกจากนี้ ธนาคารยังเตรียมแผนตั้งสำนักงานตัวแทนของธนาคารที่ประเทศรัสเซีย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้าไปทำการค้าในรัสเซีย เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องการเงิน ดังนั้น จึงต้องมีการตั้งคนกลางในการเจรจาการค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย

สำหรับโครงการปล่อยกู้ให้กับพม่าเพื่อดำเนินโครงการสาธารณูปโภควงเงิน 4,000 ล้านบาทที่กำลังถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่นั้น ขณะนี้คาดว่าธนาคารได้ทยอยเบิกจ่ายเงินกู้เกือบครบทั้งจำนวน ซึ่งในปี 2550 ยังไม่มีแผนอนุมัติโครงการใหม่เพิ่มเติม

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศในปี 2550 ต่ำกว่ายอดสินเชื่อในปี 2549 ที่สามารถขยายตัวได้กว่า 5,570 ล้านบาทนั้น เพราะเป็นการตั้งเป้าหมายจากการประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้จะไม่ขยายตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อในปี 2550 ทั้งปีที่ระดับ 23,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับโครงการสินเชื่อระหว่างประเทศจำนวน 5,000 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2550 ธนาคารเตรียมแผนขยายสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 28,000 ล้านบาท