ภายใต้แผนการขยายธุรกิจแนวใหม่ ทำให้แจ๊ค มิน ซุน ฮู ผู้กุมบังเหียนสหวิริยาโอเอ
ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ต้องกระจายอำนาจการบริหารงานมากขึ้น โดยให้ประธานกลุ่มธุรกิจทั้ง
5 รับผิดชอบ การบริหารงานในแต่ละกลุ่มไป โดยแจ๊ค จะเป็นผู้กำหนดนโยบายเท่านั้น
เพราะแจ็ค จะต้องรับผิดชอบธุรกิจใหม่ที่สหวิริยาโอเอ โฮลดิ้ง กำลังขยาย
นับว่าเป็นครั้งแรก ที่แจ๊ค ได้ถ่ายโอนอำนาจการบริหารงานในลักษณะเช่นนี้
เพราะก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้อำนวยการกลุ่มขึ้นมาดูแลกลุ่มธุรกิจแต่อำนาจการตัดสินใจ
และการบริหารยังเป้นของแจ๊คเพียงคนเดียว
จะเห็นได้ว่า การตั้งประธานกลุ่มในครั้งนี้ จะเห็นนอกจากผู้บริหารที่เติบโตมาก
สหวิริยา ได้มีการส่งทายาทของ 2 ตระกูล อันเป็นหุ้นส่วนสำคัญของสหวิริยากรุ๊ปขึ้น
หลังจากจบการศึกษา ในระดับปริญญาตรี ทางด้านคอมพิวเตอร์ วีระเข้ามาร่วมงานในสหวิริยา
โอเอ โดยรับผิดชอบทางด้านซอฟท์แวร์ ซึ่งในสมัยนั้นสหวิริยายังอยู่ในช่วงเริ่มธุรกิจเท่านั้น
กว่า 10 ปี ที่วีระ ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการสร้างธุรกิจด้านซอฟท์แวร์ให้กับบริษัทสหวิริยา
ประธานกลุ่มไอที เทอร์มินัล จึงเป็นโอกาสทองของวีระ ที่จะพิสูจน์ตัวเองว่า
เขาสามารถทำได้เหมือนเช่นแจ๊ค พี่ชายร่วมสายโลหิตที่ทำไว้
กนกวิภา วิริยะประไพกิจ ทายาทของวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้มีงานอดิเรกด้านการร่วมทุนกับพี่สาว
เปิดร้านบูติกขายเสื้อผ้า และเครื่องประดับหรู ของเทียรี่ มูแกลร์ จากฝรั่งเศส
กนกวิภา เป็นหนึ่งในทายาท ของตระกูล ที่ถูกส่งไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อให้กลับมาช่วยในงานธุรกิจที่มีอยู่มากมาย
อาทิ ธุรกิจเหล็ก ธุรกิจการเงิน ที่ดิน และคอมพิวเตอร์ อันเป็นธุรกิจใหม่ในขณะนั้น
หลังจากจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี ทางด้านคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์
กนกวิภา ถูกวางตัวจากตระกูลให้เข้าทำงานในบริษัทสหวิริยา ทันที โดยได้เริ่มไต่เต้าจากผู้จัดการฝ่ายขาย
ดิกส์เก็ต ยี่ห้อเวอร์บาทิม และคอมพิวเตอร์เทป จากประสบการณ์เหล่านี้เอง
ทำให้กนกวิภา รู้แล้วว่า สามารถเสนอขายสินค้าประเภทนิดอื่นได้มากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องมินิ
หรือเมนเฟรม แทนที่จะต้องขายอุปกรณ์พ่วง หรือพีซี ที่ต้องอาศัยวอลุ่มการขายเป็นจำนวนมาก
จากแนวคิดนี้เอง ทำให้กนกวิภา หันมาทุ่มเทการจำหน่ายในลักษณะซิสเต็มส์
อินทริเกรชั่น ซึ่งเป็นการทำธุรกิจอกแบบ ติดตั้ง และจำหน่ายระบบงานคอมพิวเตอร์
กนกวิภา ทุ่มเทเวลาในการทำงานอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงของการวางรากฐานของธุรกิจในแนวนี้
ซึ่งกนกวิภายอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับผู้ค้าเครื่องพีวีซี อย่างสหวิริยา
ที่จะปรับไปสู่การเป็นผู้ค้าระบบงาน ทางด้านซอฟท์แวร์
สิ่งทีกนกวิภา ทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงของการวางรากฐานของธุรกิจในแนวนี้
ซึ่งกนกวิภายอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องยากกับผู้ค้าเครื่องพีซีอย่างสหวิริยา
ที่จะปรับไปสู่การเป็นผู้ค้าระบบงาน ทางด้านซอฟท์แวร์
สิ่งทีกนกวิภา ทุ่มเทให้ก็ส่งผลกลับมา เมื่อสหวิริยาเริ่มได้งานจากลูกค้าธนาคารซึ่งไอบีเอ็มครองตลาดอยู่อย่างเนียวแน่นตลอด
กระทั่งแจ๊ค ได้ตัดสินใจให้กลุ่มเอสไอ เป็นหนึ่งใน 5 กลุ่ม ธุรกิจในอนาคต
ที่กนกวิภา กล่าวอย่างภูมิใจว่า สามารถต่อกรกับคู่แข่งในตลาดได้ทุกราย
แม้ว่าตลอด 9 ปี ที่ผ่านมา ยอดรายได้ของกลุ่มนี้ไม่ได้จัดอยู่ในอันดับสูง
ของทั้งกลุ่ม แต่ในปีนี้ กนกวิภาเชื่อมั่นว่า จะถึงหลักพันล้านบาท เพราะมีสินค้าและโซลูชั่นอย่างครบวงจร
พรอ้มที่จะต่อกรกับคู่แข่งได้ตลอดเวลา
ด้วยเหตุที่กนกวิภา เป็นผู้ปลุกปั้นกลุ่มเอสไอขึ้นมา และยังต้องใช้เวลาสานต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ในวันนี้กนกวิภาจึงยังต้องรับผิดชอบกลุ่มนี้อยู่ แต่ในวันหน้าเมื่อทุกอย่างลงตัว
กนกวิภาคงต้องขยายความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นแน่นอน
กนกวิภา และวีระ จึงเป็นสองทายาทของสองตระกุล ที่จะกลายเป็นทายาทในสายธุรกิจไอที
ภายใต้โครงสร้างใหม่ที่แจ๊คเป็นผู้กำหนด