Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 กุมภาพันธ์ 2550
ICTหวั่นเสียโง่ เทมาเส็กขายดาวเทียมพ่วงชินคอร์ป             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
โฮมเพจ ชินแซทเทลไลท์

   
search resources

ชินแซทเทลไลท์, บมจ.
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
Telecommunications




ไอซีทีหวั่นเสียค่าโง่ให้เทมาเส็กหากเร่งรีบซื้อคืนดาวเทียม “สิทธิชัย” คาดใช้เวลาร่วม 3 เดือนได้ความชัดเจน ตั้งคณะทำงานร่วม ก.ยุติธรรมแล้ว 18 คน ระบุกองทุนจากสิงคโปร์ต้องการขายพ่วงให้แบบเหมาทั้งกลุ่มชินคอร์ป ปลัดกระทรวงยุติธรรม เผยประเด็นกฎหมายต้องรอบคอบ ด้าน “เสรีพิสุทธ์” เข้าเกียร์ห้าเร่งคดีนอมินีกุหลาบแก้ว

นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการซื้อหุ้นบริษัท ชิน แซทเทิลไลต์ กิจการดาวเทียมไทยคมคืนจากกลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ว่า ขณะที่ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาแล้ว 18-19 คน โดยร่วมกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมกับกระทรวงไอซีที โดยคณะทำงานชุดนี้จะเข้ามาหาแนวทางหรือวิธีการเพื่อซื้อกิจการดาวเทียมไทยคมคืนที่ดีที่สุด ให้มีความรัดกุมและรอบคอบ ที่จะดำเนินการควบคู่ไปกับการรับฟังความเห็นจากประชาชน ที่กระทรวงไอซีทีจะดำเนินการสำรวจจากกลุ่มประชาชนทั่วประเทศ 2-3 หมื่นรายโดยจะเริ่มสำรวจในอีก 1 เดือนข้างหน้า ว่า การซื้อครั้งนี้เหมาะสมหรือไม่

ส่วนการตรวจสอบนอมีนี จะดำเนินการควบคู่จากผลตรวจสอบข้อมูลจากทางกระทรวงพาณิชย์ โดยจะดำเนินการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อให้มีข้อมูลชัดเจนหลายด้าน เพื่อนำไปพิจารณาข้อสรุปในแนวทางการซื้อคืนและการสรุปถึงความเป็นธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งกระบวนการทั้งหมดคาดว่าจะมีผลความชัดเจนได้อีกในระยะเวลา 3 เดือน

“มีหลายๆหน่วยงาน มีแนวทางแตกต่างกันไป ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายในทางปฏิบัติ หรือ การพิจารณา โดยเฉพาะเรื่องของนอมินี และ กุหลาบแก้ว ที่มีเส้นทางการเงิน ในการซื้อขายหุ้น เป็นเส้นทางที่วกวนไปมา ไม่ใช่รูปแบบการซื้อแบบปกติ”

เผยเทมาเส็กอยากขายยกล็อต

ขณะเดียวกันการซื้อคืนกลุ่มเทมาเส็ก ไม่ได้ต้องการขายบริษัทชินแซท เพียงส่วนเดียว แต่ต้องการให้ ขาย บริษัท แอ็ดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส(เอไอเอส) ด้วย เนื่องจาก มูลค่า ชินแซท นั้นไม่สูงมาก หากจะขายควรที่จะขาย เอไอเอส พ่วงไปด้วย เพื่อจะได้มีความคุ้มค่า และ คืนให้กับ ไทย

อย่างไรก็ตามการดำเนินการซื้อคืนครั้งนี้ จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และไม่ให้เกิดผลกระทบตามมาภายหลัง โดยเฉพาะเรื่องการเสียค่าโง่ หรือ นำเงินรัฐไปใช้โดยไม่เกิดประโยชน์ ทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกต่อการตัดสินใจของรัฐบาลที่ดำเนินการอย่างไม่เหตุผลเพียงพอต่อการนำไปประกอบการตัดสินใจสรุปแนวทาง

รมว.ไอซีที กล่าวอีกว่า หากกระทรวงไอซีที ยกเลิกสัญญาก็จะมีผลกระทบเช่นกัน อาจจะส่งผลให้เทมาเส็ก เกิดการฟ้องร้องทางศาลปกครอง หรือศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากข้อสัญญาได้ทำไว้อย่างรัดกุมถึงการยกเลิกสัญญา และหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นจะต้องใช้เวลาดำเนินการเป็นระยะเวลาถึง 5ปี ซึ่งหากใช้ส่วนนี้อาจจะทำให้แนวทางการซื้อคืนไม่เกิดความคุ้มค่าและดาวเทียมหมดอายุใช้งานลง โดยดาวเทียมที่จะยังคงเหลือใช้งานได้ดีอยู่ คือ ไทยคม4(ไอพีสตาร์) ไทยคม 5

ทวงคืนต้องรอบคอบ

นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบสัญญาสัมปทานเพื่อทวงคืนสัมปทานดาวเทียมไทยคมว่า เหตุผลที่นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้าไปร่วมหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดยไม่พุ่งเป้าไปที่การสอบสวนว่าบริษัทกุหลาบแก้วเป็นนอมินีหรือไม่ เพื่อดำเนินการเพิกถอนสัมปทาน เพื่อพิจารณาทางเลือกทางออกที่ดีที่สุดทั้งในประเด็นข้อกฎหมายและหลักการระหว่างประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางด้านการลงทุน ทั้งนี้การตัดสินใจต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดจะทำให้การแก้ไขยากลำบากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการหารือร่วมระหว่างผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงยุติธรรมกับกระทรวงไอซีที โดยจะต้องรอให้กระทรวงไอซีทีในฐานะเจ้าของเรื่องเป็นผู้นัดประชุม

ด้านนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้แต่งตั้งทีมงานที่ปรึกษากฎหมายขึ้นมาทำการตรวจสอบและวิเคราะห์ว่าการกระทำของบริษัทกุลาบแก้วจะมีผลกระทบอย่างไร และมีสภาพเป็นนอมินีหรือไม่หากรับฟังหลักฐานแล้วพบว่าเป็นนอมินีจริงจะมีผลกระทบต่อนิติกรรมสัญญาต่างๆ ที่ทำขึ้นระหว่างบริษัทชินคอร์ปกับกองทุนเทมาเสกอย่างไรบ้าง

นายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผย ว่า การทวงคืนสัมปทานดาวเทียมไทยคมเป็นอำนาจของรัฐบาลและกระทรวงไอซีทีตามสัญญาสัมปทาน ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คุ้มค่าต่อการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากการแข่งขันให้บริการดาวเทียมระหว่างประเทศรุนแรงต้องอาศัยภาคเอกชนที่เข้มแข็งเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจดาวเทียม

นายเศรษฐพร กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ดาวเทียมไทยคมยังคงเป็นดาวเทียมของประเทศไทย เป็นดาวเทียมที่อยู่ในตำแหน่งวงโคจรของประเทศไทย แต่สัญญาสัมปทานที่ภาครัฐทำกับบริษัทชินแซทเทิลไลท์ ขณะนี้อยู่ในการดูแลของกองทุนเทมาเส็กที่ได้ซื้อหุ้นของชินคอร์ปเท่านั้น จึงเป็นเรื่องของการดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้องตามกฎกติกาของประเทศไทย รวมถึงการพิจารณาข้อกฎหมายระหว่างประเทศด้วย

เสรีพิศุทธ์"ยันกุหลาบแก้วต้องคืบหน้า

พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีกุหลาบแก้วว่า คดีนี้ต้องคืบหน้าอยู่แล้ว ตนเองได้เรียกผู้ที่รับผิดชอบคดีเข้ามาพบเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ดูรายละเอียด เนื่องจากติดประชุม ก.ตร. และหลังจากประชุมก.ตร.ก็เกิดเหตุลอบยิงขบวนท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานมูลนิธิบำรุงขวัญ ตนจึงต้องรีบเดินทางไป แต่ขอเวลาศึกษารายละเอียดก่อน เพราะสำนวนการสอบสวนอยู่ที่ตนเองแล้ว จึงยังไม่รู้ว่าคดีนี้อยู่ในขั้นตอนไหน แต่ทำให้เร็วที่สุดไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ตนจะศึกษารายละเอียดของคดี

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่จะโอนไปเป็นคดีพิเศษให้ดีเอสไอรับผิดชอบนั้น ตอนนี้คดีนี้ตำรวจยังเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ใครทำก็สู้ตำรวจไม่ได้ ดีเอสไอ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นตำรวจ และ ส่วนใหญ่ก็มาจากตำรวจที่ผิดหวัง จะสู้ตำรวจที่มีอนาคตได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าเวลาผ่านมากกว่า 5 เดือนแล้ว คดียังไม่มีความคืบหน้าไม่ถือว่าล้าช้าไปหรือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า คดีเยอะ ตำรวจน้อย ผู้บริหารไม่รู้จักพัฒนา เมื่อตนเข้ามาทำงานได้ไม่นานก็เริ่มทำงานโดยการกำหนดตำแหน่งผู้ตรวจราชการขึ้น ซึ่งตนเองมีกำหนดที่จะทำอะไรอีกเยอะแต่เกรงใจนายกรัฐมนตรีต้องพูดกันด้วยเหตุด้วยผล.   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us