กลุ่มธุรกิจบริการโรงแรมที่พักในรูปแบบสมาชิกจากประเทศญี่ปุ่น “ไวท์ พีกาซัส” บุกทำตลาดในประเทศไทย รุดเจรจา บางกอกชูโอ จัดตั้งตัวแทนจำหน่าย จับมือเป็นพันธมิตรกว่า 30 โรงแรมดังในไทย มอบสิทธิประโยชน์ด้านที่พักให้แก่สมาชิกชาวญี่ปุ่นวัยหลังเกษียณ กลุ่ม BABY BOOM เข้ามาใช้บริการ ระบุยังมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในประเทศไทย แต่ขออย่าให้มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นอีก เผย รูปแบบโครงสร้างบริษัทคล้ายกับไทยจัดการลองสเตย์

นายเซอิจิ มิอุระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไวท์ พีกาซัส เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการโรงแรมและที่พักสำหรับสมาชิก (Resort Club) จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดในเอเชีย โดยเริ่มที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรก กล่าวคือบริษัทฯจะส่งสมาชิกที่ถือบัตรของ ไวท์ พีกาซัส เข้ามาใช้บริการ โรงแรมที่พัก ตลอดจนบริการด้านการท่องเที่ยวอื่นๆในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นเข้ามามากขึ้น

สมาชิกของ ไวท์ พีกาซัส จะมีทุกกลุ่มอายุ แต่ที่เน้นมากที่สุดคือชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในวัยเกษียณอายุ หรือเกิดระหว่างปีพ.ศ. 2490-2498 หรือที่รู้จักกันดีในช่วง BABY BOOM ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีการประมาณการณ์ไว้ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า ประชากรกลุ่มนี้จะมีจำนวนมากถึง 8 ล้านคน ส่วนในอนาคต บริษัทจะขยายตลาดเข้าไปขายสมาชิกในกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน ที่มีอำนาจในการใช้จ่ายสูง และต้องเดินทางไปยังประเทศต่างๆ

ดึงกลุ่ม BABY BOOM ใช้บริการในไทย

ทั้งนี้ BABY BOOM เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อพักผ่อนในชีวิตหลังเกษียณ และมีวันพักเฉลี่ยนานมากกว่า 2 สัปดาห์ต่อทริป ดังนั้นจึงจัดเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบลองสเตย์ หรือพำนักระยะยาวก็ได้ ขณะนี้ บริษัทได้ดำเนินการติดต่อโรงแรมที่พัก ในประเทศไทยเข้าเป็นพันธมิตรแล้วกว่า 30 โรงแรม ในกรุงเทพ เชียงใหม่ และภูเก็ต เช่น แมริออท ,สุโขทัย ,โฟรซีซั่น ,ปาร์ค นายเลิศ เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือบูติครีสอร์ท ในอนาคต เตรียมหาพันธมิตรโรงแรมเพิ่มที่จังหวังกระบี่ และเกาะสมุยเป็นต้น

นอกจากนั้น ยังเตรียมเข้าไปเจรจากับกลุ่มสนามกอล์ฟ สปา และ โรงพยาบาล โดยสิทธิประโยชน์ของสมาชิกผู้ถือบัตร ไวท์ พีกาซัส จะได้ส่วนลดพิเศษ 20-70% แล้วแต่สถานที่ แต่ เป็นราคาพิเศษที่ถูกกว่า นักท่องเที่ยวอื่นๆที่ไม่ได้เป็นสมาชิก เพราะบริษัทได้ติดต่อโดยตรงกับโรงแรม ไม่ผ่านเซลล์ หรือเอเยนต์ โดยไม่ขอรับค่าคอมมิชชั่น แต่ขอให้โรงแรมมอบเป็นส่วนลดและการบริการให้แก่สมาชิก ซึ่งบริษัทได้ทำงานโดยร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยวขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น คือ บริษัท Kinki Nihon Tourist Osaka Business Travel Centerในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่สมาชิก

สำหรับรูปแบบของบัตรสมาชิก จะมีค่าแรกเข้า 1 ล้านเยน หรือประมาณ 3.3 แสนบาท โดยสมาชิกจะต้องเสียค่าต่ออายุรายปีอีกปีละ 3.3 พันบาท และสามารถโอนให้ ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนได้ ตามสัญญาที่บริษัทได้ระบุไว้ ส่วนสิทธิประโยชน์ คือใช้เป็นบัตรส่วนลดเมื่อเข้าไปใช้บริการในโรงแรมที่พัก หรือบริการอื่นๆ ที่ บริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจไว้ ซึ่งธุรกิจนี้เป็นที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่สิทธิประโยชน์จะจำกัดแค่บริการในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่บริษัทได้ริเริ่มเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิกได้นำไปใช้ในต่างประเทศได้ด้วย โดยขณะนี้ แถบเอเชีย เรามีพันธมิตรราว 70 แห่ง ใน 3 ประเทศ คือ ไทย บาหลี และ ฟิลิปปินส์ อนาคตเตรียมขยายพันธมิตรไปยังประเทศ ฮาวาย ตาฮิติ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

โดยแต่ละประเทศที่บริษัทจะขยายไปนั้น จะเลือกแล้วว่าเป็นเดสติเนชั่นที่ชาวญี่ปุ่น ชอบที่จะเดินทางไป และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในใจของนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วย ซึ่งสำหรับประเทศไทย ได้มีการเจรจากันมากว่า 6 เดือน ก่อนที่จะเปิดตัวในครั้งนี้ โดยจากเหตุความไม่สงบทางการเมือง และ การลอบวางระเบิดในเขตกรุงเทพ เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ยังไม่กระทบกับความมั่นใจของชาวญี่ปุ่นที่จะเข้ามาประเทศไทย แต่อย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก เพราะถ้ามีจะกระทบแน่นอน

เล็งสยายปีกบุกขายสมาชิกในไทย

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีแผนขยายฐานสมาชิก ในต่างประเทศด้วย โดยอยู่ระหว่างการศึกษาตั้งบริษัทในประเทศไทย ซึ่งกำลังเจรจาอยู่กับบริษัท บางกอกชูโอ จำกัด เพื่อให้เป็นตัวแทนจำหน่าย หรือดูแลธุรกิจ ขายสมาชิกให้แก่ผู้สนใจ โดยสิทธิประโยชน์ก็คือสามารถนำไปใช้บริการกับร้านค้าโรงแรมที่เป็นพันธมิตรกับบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศได้เช่นกัน ส่วนประเทศอื่นๆที่เล็งไว้ก็มีอีก เช่น รัสเซีย และอีกหลายประเทศในยุโรป

ทางด้านนายรุอิจิ ยามาโมโต ประธานกรรมการ บริษัท ไวท์ พีกาซัส ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทมีตัวแทนจำน่ายบัตรในประเทศญี่ปุ่น 30 ราย และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 100 ราย ในอนาคต โดยจะบุกตลาดในเมือง ฮอกไกโดจนถึงคิวชู โดยในเดือนมีนาคมศกนี้ จะเริ่มขายบัตรสมาชิกอย่างเป็นทางการ ตั้งเป้ายอดขายรวมจากการขายตรงและยอดขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ใน 3 เดือนแรก(มี.ค.-พ.ค.50) เป็นจำนวน 1,000 ราย คิดเป็นเงิน 1,000 ล้านเยน และภายในปี 2551 ตั้งเป้าว่าจะได้สมาชิกเพิ่มเป็น 3,000 ราย ทำให้บริษัทมีรายได้ 3,000 ล้านเยน และมีกำไรประมาณ 100 ล้านเยน ภายในเดือนตุลาคม ปี 2551

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รูปแบบธุรกิจของ ไวท์ พีกาซัส จะคล้ายกับรูปแบบของบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ หรือทีแอลเอ็ม แต่มีกลุ่มเป้าหมายที่กว้างกว่า คือทุกกลุ่มอายุ แต่ก็มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือวัยหลังเกษียณ และพำนักระยะยาว ส่วนด้านบริการ ไวท์พีกาซัส จะเน้นบริการภายใต้คอนเซปต์ “พักระยะยาวในโรงแรมหรูหรา ในราคาประทับใจ” ขณะที่ ของทีแอลเอ็ม ที่พักส่วนใหญ่ เป็นรีสอร์ท และเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ โดยกลุ่มบริษัท ไวท์ พีกาซัส ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ให้บริการด้านโรงแรมที่พักแบบ รีสอร์ท คลับ มุ่งจับลูกค้าวัยเกษียณ เป็นหลัก ที่รักการเดินทางท่องเที่ยว โดยมุ่งหาเครือข่ายพันธมิตร ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร กอล์ฟ สปา โรงพยาบาล เพื่อให้บริการแก่สมาชิก ในราคาพิเศษ