|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
มาสเตอร์คูล ลั่นกลองรบ กรำศึกต่างประเทศ เต็มกำลัง เล็งจับตลาดในกลุ่มอาฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และยุโรป หลังผุดสำนักงานต่างประเทศแห่งแรก ที่ ดูไบ ปลายปีที่ผ่านมา ด้านตลาดในประเทศ งัดกลยุทธ์ การใช้งานที่หลากหลาย เจาะกลุ่มเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ คาดสิ้นปี รายได้พุ่งขึ้นอีก 30 % หรือกว่า 165 ล้านบาท
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำธุรกิจพัดลมไอน้ำ เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ในการที่บริษัทเริ่มขยายสาขาไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง และได้เข้าไปเปิดออฟฟิศที่ดูไบในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ารายได้รวมเติบโตขึ้นกว่า 30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 135 ล้านบาท โดยมาจากต่างประเทศถึง 25 ล้านบาท
“ดังนั้นจากความสำเร็จของการไปทำตลาดที่ประเทศแถบตะวันออกกลางครั้งนี้ ต่อไปการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯจะเป็นไปในทิศทางของการขยายสาขาในต่างประเทศเป็นหลัก โดยประเทศที่จะเข้าไปทำตลาดส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในแถบร้อน โดยจะนำเอาโมเดลธุรกิจ จากการทดลองทำที่ดูไบเป็นต้นแบบ ในการเข้าไปทำตลาดในประเทศเขตร้อน อย่าง ประเทศในกลุ่มอาฟริกาใต้ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณไม่เกิน 2 ปี”
ขณะที่ในปัจจุบัน บริษัทฯมีจำนวนสาขาในต่างประเทศ 35 สาขา และมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศกว่า 80รายทั่วโลก และล่าสุดการเข้าไปทำตลาดอาฟริกาใต้ ขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 4 ประเทศ เช่น ซูดาน อียิปต์ และเริ่มเข้าไปทำธุรกิจในกลุ่มยุโรปตะวันออกบ้างบางส่วน เช่น ซาโลวาเนีย เซอร์เบีย และฮังการี คาดว่าสิ้นปี จะมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 45 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 60 %
“ถึงแม้ว่าทางบริษัทฯจะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น แต่ไม่มีแผนที่จะไปตั้งฐานการผลิตยังต่างประเทศแต่อย่างใด เนื่องจากต้นทุนทางด้านการผลิต ค่าแรง และอื่นๆเมื่อเทียบกับในประเทศไทยแล้ว ยังถือว่าสูงมาก ขณะเดียวกันกำลังการผลิต ก็ยังสามารถขยายได้อีกมาก ซึ่งขณะนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่1,000 ชุดต่อเดือน เป็นการส่งออกเพียง 20 %เท่านั้น ทั้งนี้โรงงานการผลิตดังกล่าว สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 6,000 ชุด ต่อ เดือน”
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศนั้น จะเน้นการนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ มาต่อยอดสู่การใช้งานที่หลากหลายมากกว่าการเป็นเพียงพัดลมไอน้ำ อย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้เพื่อลดฝุ่นละอองในอากาศ, เพิ่มความชื้น และลดการเกิดไฟฟ้าสถิตย์
นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ให้สามารถใช้ในบริเวณบ้าน และที่พักอาศัยได้มากยิ่งขึ้น โดยจะเน้นในเรื่องของดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต่างออกไป ไม่ให้เหลือเค้าของความเป็นพัดลม คาดว่าช่วงกลางปีนี้ จะสามารถเปิดตัวสู่ตลาดได้
โดยปัจจุบันบริษัทฯมีผลิตภัณฑ์อยู่ 3 หมวด คือ 1.มาสเตอร์คูล ระบบชุดเคลื่อนที่ 2. มาสเตอร์คูล ระบบติดตั้ง และ3. มาสเตอร์คูล ระบบมิล
ขณะเดียวกัน ทางบริษัทฯได้วางงบประมาณไว้กว่า 22 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดทั้งและต่างประเทศ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่จะลดงบการทำตลาดในประเทศลดลงเหลือ 14ล้านบาท จากเดิมที่ใช้กว่า 20 ล้านบาท เนื่องจากมองว่า แบรนด์มาสเตอร์คูลมีความแข็งแกร่งมากพอแล้ว ดังนั้นทางบริษัทฯจะเน้นการทำตลาดในรูปแบบอีเว้นต์มาร์เก็ตติ้ง จัดกิจกรรมเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการรับรู้และสัมผัสตัวสินค้าได้จริงมากขึ้น
นายนพชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสัดส่วนรายได้การส่งออกอยู่ที่ 25 % เท่านั้น คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้ระหว่างต่างประเทศและในประเทศจะเท่ากัน และหลังจากนั้น แนวโน้มรายได้จากต่างประเทศคาดว่าจะสูงกว่าในประเทศอย่างแน่นอน
โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตรวมขึ้นอีก 30 % คิดเป็นมูลค่ากว่า 165 ล้านบาท มาจากรายได้ในประเทศ 75 % หรือกว่า 120 ล้านบาท และต่างประเทศ 25% คิดเป็นมูลค่า 45 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามมูลค่าตลาดพัดลมไอน้ำในประเทศขณะนี้ คาดว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 150 ล้านบาท โดยมีแบรนด์มาสเตอร์คูล เป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 95 % อีก 5 % มาจากผู้จำหน่ายรายอื่นๆประมาณ 10 กว่าราย ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย ผลิตเพื่อจำหน่ายในท้องถิ่น และบางส่วนเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศจีน ส่วนตลาดต่างประเทศนั้น มาสเตอร์คูลถือเป็นแบรนด์แรกที่หันมาทำธุรกิจพัดลมไอน้ำอย่างจริงจัง ดังนั้นคู่แข่งโดยตรง จึงยังไม่มีแต่อย่างไร
|
|
|
|
|