Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 กุมภาพันธ์ 2550
มาสเตอร์คูลมุ่งทำเงินตปท.พร้อมขยายฐานลูกค้าในไทย             
 


   
search resources

มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล, บจก.
Marketing
Electric




มาสเตอร์คูล ลั่นกลองรบ กรำศึกต่างประเทศ เต็มกำลัง เล็งจับตลาดในกลุ่มอาฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และยุโรป หลังผุดสำนักงานต่างประเทศแห่งแรก ที่ ดูไบ ปลายปีที่ผ่านมา ด้านตลาดในประเทศ งัดกลยุทธ์ การใช้งานที่หลากหลาย เจาะกลุ่มเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ คาดสิ้นปี รายได้พุ่งขึ้นอีก 30 % หรือกว่า 165 ล้านบาท

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำธุรกิจพัดลมไอน้ำ เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ในการที่บริษัทเริ่มขยายสาขาไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง และได้เข้าไปเปิดออฟฟิศที่ดูไบในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ารายได้รวมเติบโตขึ้นกว่า 30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 135 ล้านบาท โดยมาจากต่างประเทศถึง 25 ล้านบาท

“ดังนั้นจากความสำเร็จของการไปทำตลาดที่ประเทศแถบตะวันออกกลางครั้งนี้ ต่อไปการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯจะเป็นไปในทิศทางของการขยายสาขาในต่างประเทศเป็นหลัก โดยประเทศที่จะเข้าไปทำตลาดส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในแถบร้อน โดยจะนำเอาโมเดลธุรกิจ จากการทดลองทำที่ดูไบเป็นต้นแบบ ในการเข้าไปทำตลาดในประเทศเขตร้อน อย่าง ประเทศในกลุ่มอาฟริกาใต้ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณไม่เกิน 2 ปี”

ขณะที่ในปัจจุบัน บริษัทฯมีจำนวนสาขาในต่างประเทศ 35 สาขา และมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศกว่า 80รายทั่วโลก และล่าสุดการเข้าไปทำตลาดอาฟริกาใต้ ขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 4 ประเทศ เช่น ซูดาน อียิปต์ และเริ่มเข้าไปทำธุรกิจในกลุ่มยุโรปตะวันออกบ้างบางส่วน เช่น ซาโลวาเนีย เซอร์เบีย และฮังการี คาดว่าสิ้นปี จะมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 45 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 60 %

“ถึงแม้ว่าทางบริษัทฯจะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น แต่ไม่มีแผนที่จะไปตั้งฐานการผลิตยังต่างประเทศแต่อย่างใด เนื่องจากต้นทุนทางด้านการผลิต ค่าแรง และอื่นๆเมื่อเทียบกับในประเทศไทยแล้ว ยังถือว่าสูงมาก ขณะเดียวกันกำลังการผลิต ก็ยังสามารถขยายได้อีกมาก ซึ่งขณะนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่1,000 ชุดต่อเดือน เป็นการส่งออกเพียง 20 %เท่านั้น ทั้งนี้โรงงานการผลิตดังกล่าว สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 6,000 ชุด ต่อ เดือน”

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศนั้น จะเน้นการนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ มาต่อยอดสู่การใช้งานที่หลากหลายมากกว่าการเป็นเพียงพัดลมไอน้ำ อย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้เพื่อลดฝุ่นละอองในอากาศ, เพิ่มความชื้น และลดการเกิดไฟฟ้าสถิตย์

นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ให้สามารถใช้ในบริเวณบ้าน และที่พักอาศัยได้มากยิ่งขึ้น โดยจะเน้นในเรื่องของดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต่างออกไป ไม่ให้เหลือเค้าของความเป็นพัดลม คาดว่าช่วงกลางปีนี้ จะสามารถเปิดตัวสู่ตลาดได้

โดยปัจจุบันบริษัทฯมีผลิตภัณฑ์อยู่ 3 หมวด คือ 1.มาสเตอร์คูล ระบบชุดเคลื่อนที่ 2. มาสเตอร์คูล ระบบติดตั้ง และ3. มาสเตอร์คูล ระบบมิล

ขณะเดียวกัน ทางบริษัทฯได้วางงบประมาณไว้กว่า 22 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดทั้งและต่างประเทศ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่จะลดงบการทำตลาดในประเทศลดลงเหลือ 14ล้านบาท จากเดิมที่ใช้กว่า 20 ล้านบาท เนื่องจากมองว่า แบรนด์มาสเตอร์คูลมีความแข็งแกร่งมากพอแล้ว ดังนั้นทางบริษัทฯจะเน้นการทำตลาดในรูปแบบอีเว้นต์มาร์เก็ตติ้ง จัดกิจกรรมเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการรับรู้และสัมผัสตัวสินค้าได้จริงมากขึ้น

นายนพชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสัดส่วนรายได้การส่งออกอยู่ที่ 25 % เท่านั้น คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้ระหว่างต่างประเทศและในประเทศจะเท่ากัน และหลังจากนั้น แนวโน้มรายได้จากต่างประเทศคาดว่าจะสูงกว่าในประเทศอย่างแน่นอน

โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตรวมขึ้นอีก 30 % คิดเป็นมูลค่ากว่า 165 ล้านบาท มาจากรายได้ในประเทศ 75 % หรือกว่า 120 ล้านบาท และต่างประเทศ 25% คิดเป็นมูลค่า 45 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามมูลค่าตลาดพัดลมไอน้ำในประเทศขณะนี้ คาดว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 150 ล้านบาท โดยมีแบรนด์มาสเตอร์คูล เป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 95 % อีก 5 % มาจากผู้จำหน่ายรายอื่นๆประมาณ 10 กว่าราย ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย ผลิตเพื่อจำหน่ายในท้องถิ่น และบางส่วนเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศจีน ส่วนตลาดต่างประเทศนั้น มาสเตอร์คูลถือเป็นแบรนด์แรกที่หันมาทำธุรกิจพัดลมไอน้ำอย่างจริงจัง ดังนั้นคู่แข่งโดยตรง จึงยังไม่มีแต่อย่างไร   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us