Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2538
มอร์แกน สแตนเล่ย์ บุกไทย แต่โลกตลาดหุ้นอีก ปี อาจเลวร้ายกว่าเดิม             
 


   
search resources

หลักทรัพย์ บัวหลวง, บมจ.
มอร์แกน สแตนเล่ย์กรุ๊ป
บาร์ตัน เอ็ม.บิกส์
Stock Exchange




" ปัจจุบัน นี้เราอยู่ในช่วงสิ้นสุดของยุคทอง Bull Market ที่กำลังจะหมดไป" บาร์ตัน เอ็ม บิ๊กส์ นายใหญ่แห่งมอร์แกน สแตนเลย์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นอินเวสเม้นท์แบงก์ที่มีชื่อเสียงก้องโลกกล่าวผู้บริกหารของธนาคารกรุงเทพ หลังจากจบพิธีการลงนามสัญญาสามปี เป็นพี่เลี้ยง Technical Advior แก่ บลจ .บัวหลวง อย่างเป็นทางการ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

โดยประวัติส่วนตัว บีกส์ขบมหาวิทยาลัยเยล และ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค เขาไต่เต้าจากแผนกวิจัยที่ มอร์แกน สแตนเลย์ ตั้งแต่ปี และกลายเป็นดาวรุ่งใน ระดับสูงที่มีผลงานโดดเด่นจาการก่อตั้งบริษัทมอร์แกนสแตนเลย์ แอสเสท แมเนจเม้นท์ ในปี 2518 และปัจจุบันบิกส์ สวมหมวกสองในในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทมอร์แกน สแตนเลย์ แอนด์ โค อิงค์ และประธานกรรมการมอร์แกน สแตเลย์ แอสเสท แมนเนจแมนท์

การที่ บาร์ตัน เอ็ม บิกส์ ประธานมอร์แกน สแตนเลย์ แอสเสท เดินทางมาเองในงานนี้ ย่อม สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในการลงทุนในภูมิภาคเอเชียนี้ เพราะยักษ์ใหญ่การลงทุนของโลกที่มีเครือข่ายทั่วโลก และมีฐานข้อมูลการลงทุนระหว่างประเทศครอบคลุมกว่า 3,300 ปริษัทในประเทศ

" เหตุที่เราสนใจการลงทุนในประเทศไทยเพราะว่า asset ในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 17 เท่าครึ่ง ของ Earning และผมไม่เข้าใจว่า ทำไมหุ้นธนาคารซึ่งน่าสนใจมาก ๆ จึงมีการซื้อขายกันแบบลดราคาในตลาด ซึ่งผมคิดว่า น่าจะมีคนสนใจลงทุนมากกว่านี้" บิกส์ กล่าว

พลังขับเคลื่อน ตลาดทุนที่มาจากยักษ์ใหญ่มอร์แกนหว่านเม็ดเงินลงทุถนกว่า 41,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปตามตลาดทุน ตลาดเงินโลก ย่อมบ่งถึงความเป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์จัดการลงทุนกว่า 18 ปี มีฐานลูกค้าหลากหลายรวมถึงกองทุนบำนาญ กองทุน public&Taft hartley มูลนิธิ ปริษัทประกันชีวิต และธนาคารระหว่างประเทศ

" ผมคิดว่าการที่เราร่วมงานกันได้เหมาะสมเพราะมอร์แกน สแตนเลย์ แอสเสท เขามีสไตล์การลงทุน เป็นหลัก และหลังจากจบสัญญาที่ปรึกษาสามปีแล้ว เราคงร่วมกันในลักษณะถือหุ้นมากว่า แต่รายละเอียดต้องรอก่อน " ธวัช อังสุวรังษี กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง เล่าให้ฟัง

วิสัยทัศน์ ของบิกส์ ที่กล่าวในหัวข้อ W Global investment Strategy 1995" บนชั้น 28 ธนาคารกรุงเทพในบ่ายวันนั้น แม้จะโปรบยาหอมให้กับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียค่อนข้างมาก โดยอ้างถึงการศึกษาของธนาคารโลก ในปี 2020 ว่า ประเทศไทยจะติดอันดับที่ 7 ใน 15 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ประเทศจีนเป็นแชมป์อันดับหนึ่งแทนสหรัฐฯ

" ในตลาดใหม่อย่าง Emerging market เราให้น้ำหนักการลงทุนมากขึ้น เพราะศักยภาพของตลาดเอเชียมันโตไปได้ถึงที่สุดเทียบเท่าเท่าญี่ปุ่น เคยเป็นมาในต้น ๆ ปี 1980 เป็นที่คาดว่า ตลาด Bull Market เริ่มลดลง ซึ่งเวลานั้นตลาดฮ่องกงจะเป็นตลาดที่ดีที่สุด รองลงมาก็ไทยและ มาเลเซีย" บิกส์ คาดการณ์ให้ฟัง

ขณะที่กลุ่มยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลกเช่น สหรัฐ ฯ และญี่ปุ่น ต่างประสบปัญหาวิกฤตตั้งแต่ต้น " ปี หมูทอง" นี้เริ่มจากผลกระทบด้านอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นผันผวน เศรษฐกิจทางการเมืองเม็กซิโกปั่นป่วน ภาวะหุ้นตกต่ำในตลาดญี่ปุ่น เพราะแผ่นดินไหวรุนแรงที่โกเบและโอซากิ และล่าสุด ช็อกคนทั่วโลก ถึงการล่มสลายของบริษัทแบริ่งยักษ์เก่าแก่อายุ ปี เพราะภาวะขาดทุนนับพันล้านเหรียญที่เกิดจากดาวรุ่งวัย 28 ปี นิก สันลี พียงคนเดียว เหตุร้ายดังกล่าวบิ้กส์ ได้กล่าวถึงสัจธรรมข้อหนึ่งไว้อย่างน่าฟังว่า

" ตลาดหุ้นที่ตกต่ำถูกผลักดันโดยอารมณ์กลัวและความโลภของมนุษย์ ผมคิดว่า เราต้องมี secular bear market อีกครั้งหนึ่ง ในอีก 5 ปีข้างหน้า นี่คือแนวโน้มที่ไม่ดี" คำพยากรณ์ของบิ้กส์ ย้ำเตือนถึง วิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

secular bear market คือสภาวะที่ดัชนีหุ้นลดลงอย่างฮวบฮาบกว่า 40% ของดัชนี เป็นตัวร้ายกาจที่สุดที่ในอดีตเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 7 ครั้ง ในสหรัฐฯ ในรอบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา

" เท่าที่ผ่านมา ผมเคยเห็นเจ้าของกิจการต้องเลิกล้มกิจการเพราะล้มละลายนแล้วไปขายของร้านโชห่วย เพราะเจ้า secular bear market นี่เอง ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ประเทศอื่น ๆ ในโลกจะต้องไปอยู่ที่จุดที่ประเทสญี่ปุ่นเจอปัญหาสภวะเศรษฐกิจซบเซาอย่างหนักอยู่ขณะนี้"

นอกจากนี้ บิกส์ยังชี้ว่าตลาดหุ้นที่ตกต่ำลงแบบ steep Cyclical bear market คือการลดลงของดัชนีในระดับต่ำประมาณ 15-30% จะเกิดวัฏจักรทุก ๆ 3 ปี ขณะที่ Panic Bear Market จะมีลักษณะที่เกิดการลดลงอย่างเร็วในระยะสั้น มาก ๆ เพียง 1-2 วัน

ตัวอย่างเช่น ผลกระทบจากเหตุหายนะแบริ่ง ที่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยได้ผลักดัชนีไทยให้ตกต่ำสุดที่ 1,160 จุด เกิดจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินที่แบริ่งส์ซื้อไว้ก่อนเกิดปัญหาขาดทุนในตลาดตราสารอนุพันธ์ในญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นไปตามที่บิ้กส์ได้กล่าวไว้ ล่วงหน้าสัปดาห์หนึ่งว่าอาจจะเกิดผลกระทบรอบสอง ถ้ามีการขายคืนหน่วยลงทุนในบริษัทแบริ่ง แอสเสท แมเนจเมนท์

" บิกส์ บอกว่าตลาดน่าจะดีขึ้นในเดือนกันยายนนี้ หรืออาจจะเร็วกว่านี้ แต่ว่าจะดีไปอีก 2 ปี หลังจากนั้น ตลาดอาจจะ Drop out ครั้งใหญ่ ซึ่งผมคิดว่า อะไรที่มองไกลมากๆ มักยากจะคาดเดาได้ แต่ที่แน่นอน คือดูอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของอเมริกาไว้ให้ดี ๆ " ธวัช เล่าให้ฟัง

คำทำนายของนักบริหารระดับบริหารโลกบาร์ตัน บิ้กส์ ในวันนี้ อาจเปลี่ยนทิศทางการลงทุนได้ตามสถานการณ์เรื่องแบบนี้ต้องฟังหูไว้หูเหมือนกัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us