Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์19 กุมภาพันธ์ 2550
ทุนไต้หวันเปิดที่ดินมักกะสันผุดคอมเพล็กซ์รับแอร์พอร์ตลิงค์             
 


   
search resources

Real Estate
เฟรเกรนท์ เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป, บจก.




ทุนไต้หวันเฟรเกรนท์ยันไม่ได้รับผลกระทบ พรบ.ต่างด้าว มั่นใจตลาดอสังหาฯ ไทยยังเติบโต ซื้อที่ดินย่านมักกะสัน พัฒนาคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่มูลค่า 4,000 ล้านบาท รองรับแอร์พอร์ตลิงค์เชื่อมสุวรณภูมิของภาครัฐ มองทิศทางอนาคตต้องเติบโตอย่างมั่นคง ขอเดินหน้าลงทุนทีละก้าว ไม่ใช้เงินเกินตัว

หลังจากมีการใช้มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาเพื่อสกัดกั้นการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้น รวมทั้งการแก้ไข พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในไทยอย่างรุนแรง ซึ่งในแง่ของการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยมากนัก เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนระยะยาว แต่สำหรับความเข้มงวดเรื่องนอมินี ถือว่าส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก เนื่องจากบางบริษัทจะต้องแก้ไขให้ถูกต้องด้วยการหาผู้ร่วมทุนใหม่เป็นชาวไทยเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 51%

สำหรับทุนไต้หวันอย่างเฟรเกรนท์ เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป ที่เข้ามาร่วมลงทุนกับกลุ่มนักลงทุนไทยเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ได้แก่ เฟรเกรนท์ 71 ซ.สุขุมวิท 11 และไพรม์ 11 ซ.สุขุมวิท 11 ไม่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไข พรบ.ดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นบริษัทที่ถือหุ้นโดยคนไทยกว่า 60% โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรูปแบบผู้ร่วมทุน ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือลัคกี้กรุ๊ป ดีเวลลอปเปอร์ ยักษ์ใหญ่ในไต้หวัน และเป็นกลุ่มทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านในไต้หวันมากว่า 30 ปี เป็นจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

เจมส์ ดูอัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเกรนท์ เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดิน 5 ไร่ บริเวณสี่แยกมักกะสัน ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ โดยมีแผนจะพัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุน คาดว่าพัฒนาเฟสแรกเป็นคอนโดมิเนียมยูนิตขนาดเล็ก ระดับราคา 3 ล้านบาท เจาะกลุ่มคนทำงาน ประมาณ 1,000 ยูนิต หรือพัฒนาเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

ส่วนเฟสต่อไปจะพัฒนาเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ทั้งหมดเพื่อรองรับโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นตัวเสริมให้เกิดชุมชนเมืองขนาดใหญ่ขึ้น โดยจะใช้งบลงทุน 3,000 ล้านบาทจากกระแสเงินสดของบริษัท และกู้สถาบันทางการเงินในสัดส่วน 1:1 และใช้เวลาพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี คาดว่าจะเปิดตัวได้ในปลายปีนี้

แม้ความเป็นไปได้ของการก่อสร้างโครงการแอร์พอร์ตลิงค์จะล่าช้า รวมทั้งโครงการครบวงจรขนาดใหญ่อย่าง “มักกะสันคอมเพล็กซ์” บนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะถูกระงับไป แต่ เจมส์ ก็ยังมีความมั่นใจว่าจะต้องลงทุนพัฒนาโครงการที่ดินดังกล่าวอย่างแน่นอน และไม่จำเป็นต้องรอความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐแต่อย่างใด เนื่องจากมั่นใจว่าอย่างไรก็ตามโครงการภาครัฐจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

ด้านทิศทางของบริษัทฯ ในอนาคต เจมส์ กล่าวว่า บริษัทฯ จะเน้นความแข็งแกร่งของธุรกิจ มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อเติบโตไปในอนาคตอย่างมั่นคง และยังมองว่าในระยะยาวโครงสร้างระบบเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งเป็นจุดดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us