ไม่ใช่โฆษณาข้าวเกรียบรวยเพื่อนนะครับ แต่เป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า
"การดูดอกไม้" ดอกไม้ ที่ว่านี้ก็ไม่ใช่อื่นไกล คือ ดอกซากุระ ที่คนไทยคุ้นหูกันดี
ทำไมต้องตื่นเต้นออกมาดูซากุระกันด้วยล่ะ ? ต้องขอย้อนกลับไปดูสภาพภูมิศาสตร์
สภาพอากาศ และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็น ภูเขาที่เกินครึ่งประเทศ
และมีที่ราบอยู่ไม่มาก และมี สภาพอากาศที่มีฤดูแตกต่างกันอย่างชัดเจนถึง
4 ฤดู ทำให้ซากุระเป็นดอกไม้ที่หาดูได้ง่าย ตามสวนสาธารณะในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจะช่วยจรรโลงจิตใจคนญี่ปุ่นให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดในชีวิตประจำวันได้
โดยเฉพาะยามวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้
ฮานามิ เกิดขึ้นในสมัยเฮวัน (ค.ศ.794-1185) ซึ่งเริ่มจากสังคมคนชั้นสูง
และนักประพันธ์ หลังจาก นั้นประมาณ ค.ศ.1500 จึงได้รับความนิยมแพร่หลาย ในทุกชนชั้น
มาจนถึงปัจจุบัน
ซากุระ เป็นพืชที่มีการผลัดใบในฤดูใบไม้ร่วง (ราวเดือนกันยายน-พฤศจิกายน)
เหลือแต่กิ่งกับต้น ในฤดูหนาว (ราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) และรอการผลิตดอกในต้นฤดูใบไม้ผลิ
(ประมาณเดือนเมษายน) สิ่งที่สะดุดตามากก็คือ เฉพาะดอกเท่านั้นที่จะผลิบานออกมาจากกิ่ง
เป็นสีชมพูทั้งต้น โดยไม่มี ใบ ซึ่งวันที่ดอกซากุระบานสะพรั่งเต็มที่จะมีเพียง
1-2 วันเท่านั้น จากนั้นดอกก็จะร่วงจนหมดต้น ภายใน 1 สัปดาห์ แล้วใบก็จะงอกขึ้นมาแทนที่
เหมือนต้นไม้ ชนิดอื่น สิ่งที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่งก็คือเวลาที่ซากุระเริ่มร่วงนั้น
กลีบซากุระแต่ละกลีบจะร่วงตามแรงลมพัด ปลิวตกลงมาเหมือนฝน ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกว่า
ซากุระอะเมะ (แปลว่า ฝนซากุระอะเมะ) ซึ่งหลังจากร่วงแล้ว บนพื้นจะดูเหมือนปูพรมสีชมพู
ดูสวยงามไปอีกแบบ
ต้นซากุระนั้นไม่เพียงแต่มีดอกสวยงามอย่างเดียว ส่วนของใบยังสามารถนำไปประกอบอาหารหรือนำไปเป็นส่วนประกอบของขนมญี่ปุ่น
ที่เรียกว่า ซากุระโมจิ นอกจากนี้ยังมีบางพันธ์ที่ออกผลที่มีรสหวานอร่อย
ที่ชื่อว่า ซากุรัมโบะ (หรือเชอรี่ญี่ปุ่น) ซึ่ง จะมีช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
ทางตอนเหนือของ โตเกียวแถบจังหวัดยามานาชิ ซึ่งจะมีชื่อเสียงเกี่ยวกับซากุรัมโบะมาก
โดยสามารถจ่ายเงินเข้าไปกินสดๆ ในสวนได้ ซึ่งมีทั้งแบบ all you can eat และแบบจำกัดเวลา
พร้อมๆ กับการชมทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิไปด้วย
หลังจากช่วงที่หนาวที่สุดของปี (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์) อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น
จนเข้าฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณกลางเดือนมีนาคม) ทางสถานีโทรทัศน์ NHK หรือบางเว็บไซต์
เช่น yahoo hapan จะเริ่มให้ข้อมูลเกี่ยวกับ SAKURA ZENSEN หรือกำหนดการผลิดอกซากุระ
ซึ่งขึ้นอยู่กับการเปลี่ยน แปลงของอุณหภูมิ โดยดอกซากุระจะเริ่มบานจากตอนใต้ของญี่ปุ่น
(เกาะคิวชู) ประมาณกลางเดือนมีนาคม ไล่ไปทางตอนเหนือ (เกาะฮอกไกโด) ประมาณเดือนพฤษภาคม
ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้มาท่องเที่ยว หรือติดต่อธุรกิจในช่วงดังกล่าว ก็ไม่ควรพลาดชมฮานามิ
(แนะนำว่าควรหาข้อมูลของ sakura zensen และสถานีที่จะไปให้แน่นอนก่อน
ที่ญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าอะไรๆ ก็เริ่มต้นที่เดือนเมษายนกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเทอมใหม่
การ เข้าทำงานของพนักงานใหม่ของบริษัทต่างๆ ปีงบ ประมาณใหม่ ดังนั้น การบานของดอกซากุระจึงดูเหมือนจะเป็นใจ
ช่วยเพิ่มสีสันบรรยากาศของการเริ่มต้นวิถีชีวิตได้เป็นอย่างดี โดยไม่ว่าจะมองไปทางไหน
เมืองทั้งเมืองก็จะถูกประดับด้วยซากุระ คนญี่ปุ่น ก็นิยมที่จะออกไปปิกนิกกันใต้ต้นซากุระ
โดยเตรียมเบนโตะ (อาหารกล่อง) ขนม เครื่องดื่ม มาล้อมวงกินกันไป คุยกันไป
ท่ามกลางซากุระในวันที่อุณหภูมิ กำลังสบายๆ (ประมาณ 15 องศาเซลเซียส) ของช่วง
ฤดูใบไม้ผลิ
สถานที่ที่จะชมฮานามิได้ง่ายที่สุด คือตามสวนสาธารณะต่างๆ ซึ่งไม่ต้องเสียเงินค่าเข้า
แต่อาจ จะต้องรีบไปปูเสื่อจองที่ก่อน แต่ตามบ้านของคนญี่ปุ่น ที่พอจะมีเนื้อที่ก็มักจะปลูกซากุระไว้ในสวนตัวเอง
พอถึงเวลาก็ไม่ต้องออกไปดูที่อื่น และยังมีบริเวณเป็นส่วนตัวอีกด้วย ซึ่งสำหรับคนที่มีเพื่อนชาวญี่ปุ่น
อาจได้รับการเชิญชวนให้ไปดูฮานามิ ซึ่งมักจะใช้คำว่า HANAMI หรือ SAKURA
หรือถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็คือ Cherry Blossom นั่นเอง
ในกรุงโตเกียว ตามสวนสาธารณะใหญ่ๆ จะมีซากุระอยู่หลายแห่ง ที่ใหญ่ที่สุดคือ
สวนสาธารณะ อุเอะโนะ ซึ่งจะมีคนไปดูกันค่อนข้างแน่นขนัดและภายในสวนยังมีกิจกรรมอื่นๆ
อีก เช่น การออกร้านขายของงานวัดญี่ปุ่น (ภายในสวนสาธารณะจะมีวัดด้วย) ร้านยากิโซบะ
ร้านช้อนปลาทอง ร้านขายขนมหลากสี นอกจากนี้ยังมีสวนสัตว์ขนาดใหญ่อีกด้วย
การเดินทางก็สะดวกมากทั้งรถไฟ JR รถไฟใต้ดิน พอ ออกมาจากสถานีก็จะเห็นสวนสาธารณะอุเอะโนะได้ไม่ยาก
(อย่าลืมตรวจสอบสายรถไฟก่อนนะครับ) ส่วน ทางโอซากา ฮานามิที่ได้รับความนิยมสูงสุด
น่าจะเป็น ริมแม่น้ำคาโมะ (Kamo) หรือจะไปเกียวโต ก็คงจะได้รับบรรยากาศญี่ปุ่นสมัยเก่าๆ
ในปีนี้คาดว่าแถบโตเกียวจะสามารถดูได้ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน ซึ่งก่อนเดินทาง
ควรจะตรวจสอบข้อมูลให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง จากพยากรณ์อากาศของ NHK หรือ www.yahoo.co.jp
(ภาษาญี่ปุ่น) ลองเข้าไปดูแล้ว link ต่อกับ website ภาษาอังกฤษอีกที ใครที่จะไปญี่ปุ่นช่วง
spring นี้ ไม่ควรพลาดครับ