Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2546








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2546
แดกด่วน             
โดย วริษฐ์ ลิ้มทองกุล
 


   
search resources

IKEA
Fastfood




จีนตอนนี้เปรียบไปก็เหมือนกับ "เด็กวัยรุ่น" ที่กำลังโตวันโตคืน บรรยากาศของภาวะเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ในภาวะเช่นนี้เอง ก็เป็นธรรมชาติ ที่อะไรอะไรก็ดูจะเติบโตเร็วไปเสียหมด

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 1998 ถึงปัจจุบัน ทางการจีนได้ประเมินรายรับขั้นต่ำของภาค Food Service ไว้ว่าเพิ่มขึ้นถึงเกือบสองเท่าตัวจาก 33,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 1998 เป็น 60,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2002

คนที่ไปเซี่ยงไฮ้ ไม่ว่าจะทำธุรกิจ หรือไปท่องเที่ยว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัจจุบันเซี่ยงไฮ้ มีอาหารเลิศรสทุกชนิดจากทั่วมุมโลกให้ลิ้มลอง และ เรียกได้ว่ากระเถิบเข้าไปเหมือนฮ่องกง-ไต้หวัน ทุกทีๆ ขณะที่ปักกิ่งก็ไม่แพ้กัน ร้านอาหารหลากชนิดต่างผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจหนึ่งที่เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ดีถึงภาวะเศรษฐกิจของในแต่ละประเทศว่ากำลังอยู่ในภาวะใด ก็คือ "ธุรกิจอาหาร" อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่าการเจริญเติบโตของธุรกิจอาหารทุกชนิดจะ เป็นเครื่องบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ

อย่างในประเทศไทยเอง ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ธุรกิจหนึ่งที่ดูเหมือน จะเอาตัวรอดไปได้ก็คือ ธุรกิจด้านอาหาร อย่างที่เขาว่ากันว่า

"เศรษฐกิจจะแย่ยังไง คนก็ต้องอยู่ ต้องกิน"

เราจึงเห็นคนตกงาน กับพนักงานถูกเลย์ออฟ ที่มีเงินเก็บอยู่บ้าง หรือเซียน หุ้น ต่างหันไปจับธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารไม่ว่าจะเป็น แซนด์วิช อาหารปิ่นโต ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว หรือใครที่พอมีเงินหน่อยก็เข้าหุ้น กับเพื่อนๆ เปิดร้านอาหารซะเลย

ดังนั้น ธุรกิจอาหารที่กำลังจะพูดถึงต่อไปก็ไม่ได้หว่านไปในอาหารทุกประเภท แต่เน้นไปที่ธุรกิจ อันอยู่ในมือของบริษัทข้ามชาติ และธุรกิจที่ผมกำลังจะพูดถึงก็หนีไม่พ้น อาหารแดกด่วน หรือฟาสต์ฟู้ด (Fast Food)

จริงๆ อาหารจีนจำนวนมากก็แทบจะนับได้ว่า เป็นอาหารจำพวกฟาสต์ฟู้ดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกี๊ยว หมั่นโถว ซาลาเปา หรือสารพัดเนื้อเสียบไม้ แต่อาหารเหล่านี้ชาวจีนนั้นเรียกกันว่า เป็นอาหารทานเล่นหรือ

เสี่ยวชือ (Xiao Chi) ส่วนฟาสต์ฟู้ด จำพวก "แฮมเบอร์เกอร์-ไก่ทอด-พิซซ่า" นั้นชาวจีนเรียกกันว่า

"ไขว้ชาน สือผิ่น (Kuaican Shipin)" ฟาสต์ฟู้ด แบรนด์แรกๆ ที่เข้ามาทำตลาดใน เมืองจีนได้แก่ เคนตั๊กกี้ฟรายด์ชิกเก้น หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม เคเอฟซี (KFC) ที่มีโลโกเป็นคุณลุงหน้ายิ้มชื่อ "ผู้พันแซนเดอร์ส" เคเอฟซีหรือที่คนจีนเรียกกันว่า "เขิ่นเต๋อจี (KFC)" เข้ามาในจีนเมื่อสิบห้าปีก่อน (1987) จากนั้นอีก 3 ปี พิซซ่าฮัท (Pizza Hut) ก็ตามเข้ามาภายใต้ร่มธงของบริษัทเดียวกันคือ Tricon จาก สหรัฐฯ (ปีนี้เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น Yum!) ปัจจุบันเคเอฟซี กลายเป็นเครือข่ายร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่ที่สุดในจีนด้วย จำนวนสาขามากกว่า 700 สาขา ซึ่งนับว่า เติบโตเร็วอย่างมาก จาก 580 สาขาเมื่อสิ้นปี 2001

ส่วนตำนานอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่าง แมคโดนัลด์ (McDonald's) หรือที่คนจีนเรียกว่า

"ไม่ตังเหลา" การเติบโตนั้นยังด้อยกว่าร้านของผู้พัน แซนเดอร์สอยู่ ด้วยจำนวนสาขาเพียง 500 แห่งใน 70 เมือง และถึงแม้บริษัทแม่ของแมคโดนัลด์จะอยู่ในช่วงลดไขมันส่วนเกิน มีนโยบายปิดร้านอาหารทั่วโลกกว่า 175 แห่งและลดพนักงานกว่า 600 ตำแหน่ง แต่ก็ยังคงทุ่มเงินทุนมาที่จีนโดยระบุว่าในปี 2003 จะเปิดสาขาในจีนเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 100 แห่ง

ขณะที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเจ้าอื่นๆ อย่าง Pizza Hut หรือ Subway ก็พอมีบ้างแต่ยังนับว่าน้อยกว่ายักษ์ใหญ่สองเจ้าแรก

มีคำถามว่า แล้วคนจีนจะยอมวาง "ตะเกียบ" มาบริโภคอาหารเหล่านี้หรือ? เพราะแต่ละมื้อนั้นเปรียบราคากับอาหารจีนแล้วก็นับว่าไม่ใช่ถูก อาหาร ชุดหนึ่งอย่างต่ำๆ ก็ 15 หยวน (ราว 85 บาท) มีแฮมเบอร์เกอร์/ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายด์ น้ำอัดลมหนึ่ง แก้ว ส่วนอาหารจีนปกติราคาเดียวกันนั้นกินบะหมี่ได้สัก 4-5 ชามโตๆ

คำตอบก็คงเหมือนกับการเจาะตลาดผู้บริโภค ในบ้านเรา ที่อาหารฟาสต์ฟู้ดเหล่านี้ สำหรับชาวบ้าน ทั่วๆ ไปไม่ได้เป็นอาหารที่กินกันทุกวัน แต่ต้องเป็นคนชั้นกลางซึ่งพอมีรายได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ การ เจาะตลาดโดยการผสมวัฒนธรรมที่เหมาะสมกับ คนในแต่ละท้องถิ่น อันเรียกกันในภาษาวิชาการว่า Localization ก็นับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง

บริษัทข้ามชาติเหล่านี้ต่างกำคัมภีร์ พร้อมกับ ร่ายคาถา "Think Global, Act Local" ไปยึดตลาด ทั่วโลก และจีนก็หนีไม่พ้น

คนอเมริกันคงแปลกใจหากบอกว่า แมคโดนัลด์ ที่เมืองไทยมีแมคส้มตำ-ข้าวเหนียวหมูย่าง, แมคโดนัลด์ ที่ฝรั่งเศสขายเบียร์, เคเอฟซีที่ญี่ปุ่นมีแซลมอนเบอร์เกอร์ และเคเอฟซีที่เมืองไทยและเมืองจีนมีขายข้าวไก่ทอด (สำหรับในเมืองจีนแต่ละเมืองเมนูก็แตกต่าง กันไปอีก) เพราะรายการเหล่านี้เป็นเมนูเสริมที่สาขาในแต่ละประเทศของบริษัทข้ามชาติเหล่านี้สรรหามาจับกลุ่ม และรสนิยมของลูกค้าที่แตกต่างกัน ภายใต้กรอบใหญ่ ที่กำหนดมาจากบริษัทแม่

แน่นอน! ใช่ว่าการเข้ามาของร้านอาหารเหล่านี้จะมีแต่ผลบวก เช่น การสร้างงานให้กับคนท้องถิ่น ในทางตรงกันข้าม ด้วยมาตรฐานของบริษัท แม่ที่อยู่ในประเทศตะวันตก วัตถุดิบอย่างเช่น มันฝรั่ง แทบทุกชนิดที่ขายในร้านฟาสต์ฟู้ด แทบจะต้องนำเข้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด อย่างเช่น "เฟรนช์ฟรายด์" ที่เคเอฟซีขายอยู่ในเมืองจีนนั้น ผ่านขั้นตอนเกือบทั้งหมดมาจากโรงงานในเมืองอเบอร์ดีน ในรัฐไอดาโฮ สหรัฐฯ คือ "วัดขนาด-ทอดขั้นแรก-แช่แข็ง" ก่อนที่จะส่งไปตามประเทศต่างๆ เพื่อทอดขั้นสุดท้ายก่อนถึงมือลูกค้า

ด้วยความเสียเปรียบทางด้านดุลการค้า เช่นนี้เอง ทำให้รัฐบาลจีนพยายามจูงให้แมคโดนัลด์ หรือ เคเอฟซี แทนที่จะเปิดสาขากระจุกอยู่ตามเมืองที่เจริญ แล้วทางฝั่งตะวันออก มุ่งไปเปิดสาขาในภาคตะวันตก ที่ความเจริญด้อยกว่าบ้าง เพื่อเป็นการสร้างงาน และ เป็นการบีบให้บริษัทเหล่านี้ใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่น

ในยุคทองของอาหารฟาสต์ฟู้ดเช่นนี้เอง ใช่ว่า คนจีนจะไม่หยิบฉวยมาจับเป็นธุรกิจ คนจีนเองก็สร้าง แบรนด์ของตัวเองมาแข่งเช่นกัน เช่น ร้านไก่ทอดชื่อ "ไม่เขิ่นจี (Maikenji)" หรือร้านพิซซ่าชื่อ "Mr.Pizza" แต่ร้านที่มาแรงที่สุดบอกแล้วก็อาจจะต้องตกใจเพราะเป็นแฟรนไชส์ขายน้ำเต้าหู้และอาหารว่างแบบจีน สัญชาติไต้หวัน ที่ชื่อ "หย่งเหอต้าหวัง (Yong He Da Wang - www.yonghe.com.cn) ที่พกคำขวัญ "หว่อเหมินเตอห่าวหลินจู - เพื่อนบ้านที่ดีของเรา" เปิดสาขาทั่วจีนแล้วกว่า 170 สาขา และที่สนุกไปกว่านั้นโลโกถอดแบบมาจาก "ผู้พันแซนเดอร์ส" อย่างกับฝาแฝดร่วมท้อง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us