"สำหรับผม สิ่งที่ผมถือว่าเป็นบาปที่ร้ายแรงที่สุดคือ ความเบื่อหน่าย"
Ted Turner เป็นชายวัย 65 ที่ชีวิตและการทำงานของเขาเต็มไปด้วยอหังการเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตนักธุรกิจหรือชีวิตกลางแจ้ง เช่น เล่นเรือใบ ยิงนก ตกปลา
ด้วยวิธีคิดแบบอเมริกันชนชาวใต้ ผู้กลายเป็นสัญลักษณ์ภายใต้ฉายา ว่า "The
Mouth of South"
ต้นปี 2003 ข่าว Ted Turner ได้ลาออกจากตำแหน่ง Vice President ของบริษัทยักษ์ใหญ่
AOL Time Warner ก็ดังกระหึ่มไปทั่วโลก ขณะที่กิจการยักษ์ใหญ่แห่งนี้กำลังประสบปัญหาธุรกิจขาดทุนสะสมในปี
2002 ประมาณ 45.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือขาดทุนหุ้นละ 10.01 เหรียญสหรัฐ
Ted ได้กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ว่า หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน เขาก็ตัดสินใจลาออก
ถึงแม้ว่าความผูกพันกว่า 50 ปีกับชื่อเสียงบริษัท Time Warner นี้ที่กลาย
เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาจะหายไป แต่ก็หวังว่ากิจการจะก้าวหน้าไปถึงเป้าหมายแท้จริงได้
และสิ่งที่เขาจะทำต่อไปคืออุทิศตนเพื่อสังคมยิ่งขึ้น เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
เขา ได้สร้างภาพพจน์ความเป็นนักบุญ (Philanthropist) บริจาค ทุนสนับสนุนจำนวนมากในนามมูลนิธิ
Turner Foundation ซึ่งก่อตั้งในปี 1991
ครั้งหนึ่ง Ted ทำให้ข่าวการกุศลของเขาดังทั่วโลก ด้วยการบริจาคเงินสูงสุดถึง
1,000 ล้านเหรียญหรือเท่ากับ 1 ใน 3 ของสินทรัพย์ของเขาให้กับองค์การสหประชาชาติ
ทำลายสถิติที่วอลเตอร์ แอนเน็นเบิร์ก เคยให้ไว้ 500 ล้านเหรียญกับโครงการเกี่ยวกับการศึกษา
"ตอนที่ผมเซ็นชื่อในเอกสารนั้น ผมมือสั่นไปหมด เพราะผมรู้ดีว่า ผมกำลังถอนตัวจากการแข่งขันที่จะเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา"
อานิสงส์ผลบุญนี้ทำให้ Ted ได้เพิ่มบทบาทเป็นประธานมูลนิธิสหประชาชาติในปี
1999 และเข้าทางที่เขาคิดว่ายิ่งให้มากยิ่งได้รับมาก
อย่างไรก็ตาม การลาออกของ Ted ทำให้ Richard Dick Parsons ซึ่งเป็น Chairman
คนใหม่ ของ AOL Time Warner ได้แสดงความเห็นว่า "คุณค่าของเขาในฐานะความ
เป็นสื่อเสรีก็ยังคงดำรงอยู่ในสิ่งที่เราเป็นและเราทำเสมอ"
เมื่อ Ted Turner ยอมขายกิจการ TBS (Turner Broadcasting System, Inc.)
ให้ควบรวมกับ Time Warner ในวันที่ 10 ตุลาคม 1996 ได้เพิ่มพูนเงินทองและชื่อเสียงในฐานะ
Media Mogul ของ Ted มากขึ้น เพราะข้อตกลง ซื้อขายดังกล่าวมีมูลค่าถึง 8
พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังมี สิทธิพิเศษในการซื้อหุ้นของ Time Warner จำนวน
11% ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทด้วย
แต่วันนี้ราคาหุ้นของ AOL Time Warner ภายในปีเดียว (จาก 4/2/2002-7/2/2003)
ร่วงจากหุ้นละ 28 เหรียญ เหลือ 10.84 เหรียญเท่านั้น ความจริงก่อนควบกิจการ
Time Warner ในยุคที่ Gerald Levin เป็นประธานบริหาร ราคาหุ้นของวอร์เนอร์ก็ตกต่ำลงและเคยมีการเสนอชื่อ
Ted เป็นประธานต่อจาก Levin แต่ปรากฏว่าตำแหน่ง Chairman นี้ตกเป็นของ Steve
Case แทน อย่างไรก็ตาม ช่วงปี 1996 นั้น Ted มักพูดให้ผู้ถือหุ้นเบาใจว่า
"เรากำลังไปได้ด้วยดี เทียบกับในชีวิตแต่งงาน มันต้องมีปัญหาเสมอใช่ไหม?
ตอนที่ผมเป็นประธานของ เทอร์เนอร์ บรอดคลาสติ้ง ผมพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้ผมพยายามเป็นรองประธานที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้ว่ามันจะแตกต่างกันมาก"
ขณะที่ Ted ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารบริษัทตั้งแต่ปี 1996 เขารับผิดชอบธุรกิจฝ่ายเครือข่ายเคเบิล
ทั้งหมด ซึ่งรวมเอาสมบัติเก่าของ TBS, CNN, HBO, Cinemax และผลประโยชน์ของบริษัทใน
Comedy Central และ Court TV ด้วย นอกจากนั้นเขายังดูแลบริษัท New Line Cinema
และเอาใจใส่กับทีมนักกีฬาเบสบอลมืออาชีพ ได้แก่ ทีม The Atlanta Braves,
Atlanta Hawks และ Atlanta Thrashers ด้วย
ทุกๆ ปีจะมีข่าวดังๆ เกี่ยวกับ Ted Turner เสมอ เช่น ข่าวการหย่าร้างกับดาราเอก
Jane Fonda หลังจากร่วมชีวิตกันมา 10 ปี ได้จบสิ้นลงในปี 2001 ซึ่ง Barbara
Walters เจ้าของรายการ 20/20 แห่ง ABC News เคยถามเรื่องนี้แล้ว Jane Fonda
ตอบว่า
"จุดจบของความสัมพันธ์ยากจะทำใจเสมอ แต่เราต่างก็ต้องการชีวิตส่วนตัวของเราเอง
และถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ก็ตาม แต่อย่างไรมันก็ต้องเกิด"
Ted Turner แต่งงานมาแล้ว 4 ครั้ง โดยภรรยาคนแรกคือ จูดี้ ไนย์ นักเล่นเรือใบที่อยู่กินกันมา
23 ปี มีลูกสามคน ส่วนภรรยาคนที่สองคือ แอร์โฮสเตสชื่อ เจน เชอร์ลี่ สมิท
คนที่สามคือ เจ.เจ.อีโบ นักบินที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และคนที่สี่คือ Jane
Fonda ดาราและนักกิจกรรมทางการเมืองที่เคยได้รับฉายาว่า "Hanoi Jane" ในยุคสงครามเวียดนามมาแล้ว
"ตอนที่ผมอายุ 17 ปี ผมเคยเขียนจดหมายลาตาย และไปยืนที่ขอบหน้าต่างชั้นห้าของ
เรด เฮ้าส์ ที่เซตทานูกา ผมผิดหวังเรื่องผู้หญิง และพร้อมจะกระโดดลงมา แต่ผมพลันคิดตกว่า
หากผมทำ ทุกอย่างจะจบสิ้นลง และจริงๆแล้ว ผู้หญิงก็เหมือนกับรถราง หากคุณพลาดขบวนหนึ่ง
อีกขบวนก็จะตามมา"
Ted Turner สามารถดำเนินชีวิตของเขาโดยทำอะไรที่หยาบคายก้าวร้าวหลายเรื่อง
แต่ก็ยังมีคนยินดีจะร่วมงานและร่วมชีวิตกับเขา ทั้งนี้เพราะเขาเป็นคนจริงที่มีพลังมุ่งมั่นต่อชัยชนะและความสำเร็จ
โดยยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง นอกเหนือจากบุคลิกที่มีความเป็นผู้นำสูงมาก
ถึงแม้บางครั้งนิสัยจะทะลึ่งแต่ก็จริงใจ
"ในบางครั้งผมมีความรู้สึกว่าพ่อกำลังเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ เพื่อจะดูผมทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ผมเพียงแต่อยากให้เขากลับมาและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้.. จริงๆ แล้วเราสนิทกันมาก
และผมอยากให้เขากลับมาเพียงแค่วันเดียวก็พอ"
พ่อของ Ted Turner ฆ่าตัวตายเมื่ออายุ 53 หลังประสบปัญหาธุรกิจ ต่อมาน้องสาวเขาก็ตาย
มันเป็นรอยบาป (Stigma) ที่ฝังลึกในใจของเขา เพราะพ่อมีอิทธิพลทางด้านมืดและสว่างแก่เขา
พ่อเขาดื่มเหล้าจัด และเลี้ยงดู เขาอย่างเข้มงวด บ่อยครั้งมีการเฆี่ยนตีจนต้องทะเลาะกับแม่เสมอ
แต่แม้ Ted จะประสาทเสียกับอารมณ์รุนแรงผันแปรของพ่อแต่เขาก็ใกล้ชิดพ่อมาก
เพราะสิ่งที่พ่อพูดและทำได้นำความจริงและให้พลังมุ่งมั่นแก่เขา
"ครั้งหนึ่งพ่อนอนคว่ำลงบนเตียง และเอาสายหนังที่ใช้ลับมีดโกนให้ผม แล้วบอกผมว่า
ตีพ่อให้หนักขึ้น สิ่งนั้นมันทำให้ผมเจ็บปวดมากกว่าการที่ตัวเองถูกเฆี่ยนเสียอีก
และผมทำไม่ลง ผมได้แต่ร้องไห้โฮออกมา" นี่คือวิธีสอนของ พ่อที่ Ted ได้เรียนรู้ว่า
พ่อเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องตีเขา
ชีวิตบั้นปลายของ Ted Turner ไม่ได้จบลงด้วยการ ฆ่าตัวตายเหมือนพ่อ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาไม่มากนัก
แต่ตำแหน่งสูงสุดที่เขายืนมันให้อารมณ์อันวิเศษในภาพพจน์ของนักบุญ เพื่อชำระล้างบาปอันน่าเบื่อหน่าย
หลังจากปลด เกษียณจากธุรกิจสื่อทรงอิทธิพลอย่าง AOL Time Warner แล้ว