บลจ.ไอเอ็นจี สบช่องอัตราดอกเบี้ยในประเทศขาลง เข็น "กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารสถาบันการเงินและพันธบัตร 1" เสนอขายระหว่าง 13-20 ก.พ. นี้ ชูผลตอบแทน 4.3 % ไม่ต้องเสียภาษี พร้อมดัน "กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอ็มเอ็ม 7" หลังกองก่อนหน้าประสบความสำเร็จยอดขายล้นทะลัก

นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ในขณะนี้ว่า การลงทุนในประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบจากประเด็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและทิศทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้กองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นและกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF)

"ความต้องการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นยังมีสูงมาก และดูเหมือนจะมากกว่าปีที่ผ่านมาด้วย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศเริ่มปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน นักลงทุนจึงเร่งหาแหล่งลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำแต่ผลตอบแทนดีกว่าการฝากธนาคาร และทำการ "ล็อค" ผลตอบแทนให้อยู่ไปอีกประมาณ 3-12 เดือนแล้วแต่วัตถุประสงค์ของการลงทุน" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจีกล่าว

ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการดังกล่าว บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด จึงเตรียมที่จะเสนอขาย "กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารสถาบันการเงินและพันธบัตร 1" (ING Thai Financial Institution and Government Bond Fund 1) ซึ่งจะเสนอขายระหว่างวันที่ 13-20 กุมภาพันธ์ 2550 นี้ โดยกองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุนตราสารหนี้อายุ 1 ปี ประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 4.3% ต่อปี มูลค่าโครงการ 5 พันล้านบาท โดยกำหนดวงเงินสั่งซื้อขั้นต่ำไว้ที่ 10,000 บาท

ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออก รับรอง อาวัล หรือค้ำประกันโดยธนาคารพาณิชย์ หรือเงินฝาก หรือตราสารหนี้ภาครัฐ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนแบบซื้อแล้วถือจบครบกำหนดอายุ และมีอายุประมาณ 12 เดือน ซึ่งจุดเด่นของกองทุนอยู่ที่ผู้ลงทุนสามารถประมาณผลตอบแทนของกองทุนได้ค่อนข้างแน่นอน เพราะจะถือครองตราสารหนี้ที่ลงทุนครบกำหนดอายุไถ่ถอน ซึ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและไม่ต้องเสียภาษี

นายจุมพล กล่าวด้วยว่า พร้อมกันนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ.ไอเอ็นจี ยังได้เสนอขาย "กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอ็มเอ็ม 7" ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 3 พันล้าน อายุการลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนโดยประมาณอยู่ที่ 4.5% ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวออกมาต่อเนื่องจาก "กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอ็มเอ็ม 6" ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน จากยอดจองซื้อของนักลงทุนที่เกินจากขนาดของกองทุนที่จดทะเบียนไว้ที่ 3,000 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

"จะเห็นได้ว่า ธุรกิจกองทุนรวมยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ขณะที่ผู้ลงทุนเริ่มมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน และแสวงหาทางเลือกมากขึ้น ที่สำคัญขนาดของกองทุนรวมทั้งระบบยังอยู่เพียงประมาณ 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของระบบเศรษฐกิจ (จีดีพี) เท่านั้น ดังนั้นเมื่อเทียบโดยสัดส่วนแล้ว จะเห็นว่ายังคงมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมาก" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว