|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กสิกรไทยคาดแนวโน้มดอกเบี้ยเงินฝาก-กู้ลดลงอีก 1-1.5% เหตุอัตราเงินเฟ้อปีนี้ลด เผยเตรียมปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในช่วงมี.ค.นี้เป็นแบบคงที่ 3 ปีแรก พร้อมเพิ่มสัดส่วนมาปล่อยสินเชื่อบ้านให้ลูกค้าที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเป็น40% จากเดิม 35% เหตุมีความน่าเชื่อถือและมีความเสี่ยงในการก่อหนี้เสียน้อย
ขณะเดียวกันจับมือ LPN ปล่อยสินเชื่อลูกค้าโครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทรเดชา-รามคำแหง ด้วยเงื่อนไขพิเศษสุดวงเงินกู้สูงสุดถึง 90–100% ยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกันและค่าธรรมเนียมการจัดการให้กู้
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายวิภัชธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ในปี 2550 คาดว่าจะปรับตัวลดลงประมาณ 1-1.5% ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ที่คาดว่าจะลดลงประมาณ 1.5-2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ระดับ 4.7% จึงเชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับลดลงได้มาก ขณะที่ในส่วนของธนาคารก็เตรียมทบทวนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. ที่จะถึงนี้ เนื่องจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระบบที่ปรับลดลงทำให้ต้นทุนของธนาคารลดลง และมีความเป็นไปได้ที่ในช่วงเดือนเม.ย. นี้จะมีการเสนออัตราดอกเบี้ยคงที่ 1-3 ปี เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า
ทั้งนี้ ในปีนี้ ธนาคารได้ปรับโครงสร้างการปล่อยสินเชื่อบ้านให้แก่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยธนาคารจะเน้นลูกค้าในโครงการที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 40% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 35% เพราะมองว่ามีความเสี่ยงต่ำ และผู้พัฒนาโครงการส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ได้รับความน่าเชื่อถือ จึงเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสน้อยที่จะเป็นสร้างหนี้เสีย นอกจากนี้ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อบ้านให้แก่กลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทนอกตลาด 20% และที่เหลืออีก 40% จะปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าทั่วไป
อย่างไรก็ตามในปีนี้ธนาคารคาดว่าหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของสินเชื่อบ้านจะลดลงมาอยู่ที่ 4.5% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 4.8% เนื่องจากสินเชื่อบ้านที่ปล่อยใหม่มีคุณภาพดีและธนาคารก็มีการดำเนินการแก้ไขหนี้เสียแล้วบางส่วน ทั้งนี้ในปัจจุบันธนาคารมีเอ็นพีแอลที่ต่ำกว่าระบบเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6%
สำหรับโครงการเมกะโปรเจ็กที่จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย นั้น นายชาติชาย กล่าวว่า ธนาคารมองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลง เพราะปัจจุบันสภาพคล่องในระบบมีส่วนเกินถึง 4.5 แสนล้านบาท ยังทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงได้
ด้านนายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในปี 2550 ธนาคารได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบ้านกสิกรไทยใหม่ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิจากปี 49 ประมาณ 8,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตกว่า 10% โดยจะดำเนินนโยบายการให้สินเชื่อรายย่อยที่เน้นกลยุทธ์การเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหริมทรัพย์มากขึ้น เพื่อให้บริการด้านสินเชื่อบ้านกสิกรไทยแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยของโครงการให้มีเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้(8 ก.พ.) ธนาคารได้ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทรเดชา-รามคำแหง ของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเปิดขายโครงการในวันที่ 10 ก.พ.นี้ โดยธนาคารจะพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้า LPN ด้วยเงื่อนไขพิเศษสุด ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 90–100% ของราคาซื้อขาย และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ นอกจากนี้ ยังไม่คิดค่าประเมินราคาหลักประกันและค่าธรรมเนียมการจัดการให้กู้ รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า LPN โดยจะให้บริการหักบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เพื่อผ่อนชำระเงินดาวน์ให้กับโครงการด้วย
“ธนาคารมองว่า LPN มีนโยบายในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวกรุงเทพมหานคร รวมทั้งยังเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน ตลอดจนมีความสามารถที่โดดเด่นในการพัฒนาโครงการให้เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้า และมีประสบการณ์สูง จึงเชื่อว่า LPN จะมีศักยภาพในการเติบโตต่อไปในอนาคต ดังนั้น การเป็นพันธมิตรกับผู้เชี่ยวชาญและผู้นำในตลาดคอนโดนิเนียมอย่าง LPN ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี”
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างธนาคารกสิกรไทยกับบริษัทในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้าที่มีความต้องการบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง (เฟิร์ส โฮม) ขณะเดียวกันเป็นการสร้างสังคมเมือง พัฒนาชุมชน และการช่วยให้ทุกครอบครัวมีที่อยู่อาศัยภายใต้หลักการ“ชุมชนน่าอยู่ (Vibrant Community)”ของบริษัทด้วย
ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมบริษัทสร้างบริการรูปแบบใหม่ “Financial Solution Package”เพื่อช่วยรองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็น Real Demand ซึ่งต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยหลังจากที่บริษัทได้ประสบความสำเร็จในการทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นกลุ่มที่มีวินัยทางการเงินที่ดีและพัฒนาโครงการควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกด้านของผู้อยู่อาศัยเช่นกัน
|
|
|
|
|