เอสเอ็มอีแบงก์ ประกาศใช้โครงสร้างองค์กรใหม่ 8 ก.พ. นี้ เน้นความชัดเจน เชื่องานไม่ซับซ้อน ส่งผลให้การอนุมัติสินเชื่อรวดเร็วขึ้น พร้อมยกสาขาเป็นด่านหน้าเจาะหาฐานลูกค้าเอสเอ็มอีทั่วประเทศ

นายพงษ์ศักดิ์ ชิวชรัตน์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK) เปิดเผยถึงการปรับโครงสร้างของธนาคารว่า คณะกรรมการธนาคารได้อนุมัติแผนการปรับโครงสร้างองค์กรตามที่ธนาคารเสนอ ซึ่งโครงสร้างองค์กรใหม่จะสอดรับกับแผนปฏิบัติงานเชิงรุกปี 2550 ที่คณะกรรมการธนาคารอนุมัติหลักการเมื่อเร็วๆ นี้ โดยธนาคารจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 ก.พ. 2550 เป็นต้นไป

ทั้งนี้โครงสร้างองค์กรใหม่ เป็นโครงสร้างแนวระนาบ แบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละสายงานไว้อย่างชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ โดยสายงานหลัก ๆ ได้แก่ สายงานสาขา สายงานสินเชื่อ สายงานพัฒนาธุรกิจและผู้ประกอบการ สายงานปฏิบัติงาน สายงานบริหารสินทรัพย์ สายกำกับและบริหารความเสี่ยง สายงานบริหารเงิน และสายงานสนับสนุนองค์กร ซึ่งโครงสร้างใหม่จะไม่มีคลัสเตอร์ เพื่อลดขั้นตอนด้านเอกสาร และการติดต่อประสานระหว่างสาขากับคลัสเตอร์ นอกจากนี้ธนาคารยังมอบอำนาจให้สาขาอนุมัติสินเชื่อได้ไม่เกิน 3 ล้านบาท จะส่งผลให้การอนุมัติสินเชื่อรวดเร็วขึ้น โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง คอยกำกับดูแลการทำงานของคณะกรรมการสินเชื่อสาขา เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใสชัดเจนเป็นมาตรฐานเดียวกัน

“สาขาธนาคาร จะมีความคล่องตัวในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากขึ้น สาขาจะเป็นด่านหน้าของธนาคารวิ่งไปยังฐานผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงสาขาต้องเข้าไปเชื่อมโยงกับหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่ อาทิ อุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด สมาคมต่าง ๆ เพื่อร่วมกันพัฒนาเอสเอ็มอีให้แข็งแรง” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ในส่วนของสำนักงานใหญ่ จะสนับสนุนให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยธนาคารอยู่ระหว่างการตกแต่งพื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินอาคาร SME BANK TOWER สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ จัดเป็นศูนย์ “Market Place” เพื่อให้ลูกค้าธนาคารขายสินค้า และเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ SMEs ต่อไป