|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไออาร์พีซีตั้งงบลงทุนปีนี้ 250 ล้านเหรียญ ขยายกำลังการผลิตเม็ด ABS และ HDPE ผุดโรงไฟฟ้าก๊าซฯ 200 เมกะวัตต์ และปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในสายตาชุมชน เพื่อยื่นเข้าประมูลสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในไอพีพีรอบใหม่ เผยรุกตลาดดีเซลกำมะถันสูงเจาะจีนตอนใต้ ตั้งเป้าโกยรายได้ 2 แสนลบ.และฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นลบ.
นายสุพล ทับทิมจรูญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารและแผนธุรกิจ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทฯ ตั้งงบการลงทุนไว้ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะมีการลงทุนปรับปรุงคุณภาพการผลิตเม็ดพลาสติก PP และขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกABS และ HDPE เพิ่ม ใช้เงินลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โรงไฟฟ้าใช้ก๊าซฯ ขนาด 200 เมกะวัตต์ โครงการขยายบ่อบำบัดน้ำเสีย โครงการซ่อมบำรุงรักษา และโครงการยกระดับปล่องเผาก๊าซฯ ให้สูงขึ้น เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก ABS เพิ่มขึ้นอีก 1.4 หมื่นตัน รวมเป็น 1.14 แสนตัน/ปี ขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก HDPE เพิ่มอีก 4 หมื่นตัน รวมเป็น 1.8 แสนตัน/ปี รวมทั้งปรับปรุงคุณภาพเม็ดพลาสติก PP เพื่อเพิ่มมาร์จินให้ดีขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2551
“บริษัทฯ จะลงนามสัญญาซื้อก๊าซฯ จากปตท.จำนวน200 ลูกบาศก์ฟุต/วัน ในสัปดาห์หน้า เพื่อนำมาป้อนโรงไฟฟ้าขนาด 200 เมกะวัตต์ เพื่อลดมลภาวะในพื้นที่ และลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วย “
สำหรับแหล่งเงินทุนนั้นจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ส่วนการออกหุ้นกู้ 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อนำมารีไฟแนนซ์หนี้ 800 ล้านเหรียญ ภายในก.ย.นี้ คงต้องรอผลการทำโรดโชว์ของผู้บริหารการเงินบริษัทฯ ที่เดินทางไปฮ่องกง สิงคโปร์และญี่ปุ่น เพื่อสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนและสถาบันการเงินต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยด้วย
นายสุพล กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลง ทำให้บริษัทฯ ได้หันไปเจาะตลาดส่งออกต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในแถบอินโดจีนและจีนตอนใต้ ล่าสุดได้ลงนามบันทึกช่วยจำในการส่งออกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วและเบนซินไปจำหน่ายให้บริษัท Xishuangbanna Gas&Petroleum Industrial จำกัด ที่แคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนาน ยอดส่งออกน้ำมัน เดือนละ 1 ล้านลิตร เป็นเวลา 2 ปี โดยเริ่มต้นส่งไปแล้ว 3 แสนลิตร ผ่านท่าเรือเกวลี อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ผ่านลุ่มน้ำโขง ซึ่งได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการลุ่มแม่น้ำโขงที่ตั้งขึ้นร่วมกัน 4 ชาติ คือ ไทย ลาว พม่าและจีน คาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ปีละ 200 ล้านบาท
หากการขนส่งน้ำมันผ่านทางรถยนต์จากอ.เชียงของ ผ่านเขตแดนลาว ตรงไปจีนตอนใต้หรือถนนสาย R3a ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 ชั่วโมง คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2551 จะทำให้ไออาร์พีซี มียอดขายน้ำมันให้จีนตอนใต้เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 5 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่าการซื้อขาย 1,080 ล้านบาท
บริษัทฯ ยังขายน้ำมันหล่อลื่นทั้งหมดผ่านบริษัทน้ำมันรายใหญ่ทั้งเชลล์ เชฟรอน เป็นต้น รวมทั้งส่งออกยางมะตอยไปตลาดใหม่เพิ่มขึ้น คือ ออสเตรเลียและจีน
นายสุพล กล่าวต่อไปว่า การส่งออกน้ำมันดีเซลกำมะถันสูงไปจีนตอนใต้แม้ว่าจะได้มาร์จินค่อนข้างต่ำเพียง 2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่เรามองเห็นโอกาสในขยายตลาดเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นบริษัทไทยเพียงรายเดียวที่ขายน้ำมันในแคว้นสิบสองปันนา
ปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีมีปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลกำมะถันสูง 60 ล้านลิตร/เดือน ซึ่งส่งออกไปลาวเดือนละ 12 ล้านลิตร และส่งออกไปยังพม่า จีน และเวียดนาม รวมทั้งขายเป็นน้ำมันเขียวให้เรือประมง 40 ล้านลิตรด้วย
นอกจากนี้ ไออาร์พีซีมีแผนจะยื่นเข้าประมูลสร้างโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพีรอบใหม่) ในปีนี้ โดยจะสร้างโรงไฟฟ้าใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งมีศักยภาพสร้างโรงไฟฟ้าได้ถึง 2,100 เมกะวัตต์ เนื่องจากบริษัทฯ มีพื้นที่ในสวนอุตสาหกรรมบริเวณบ้านค่าย จ.ระยองประมาณ 2,000 ไร่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่สีม่วง มีสาธารณูปโภค และท่าเทียบเรือพร้อม เชื่อว่าต้นทุนค่าไฟจะสู้คู่แข่งได้ ประเมินว่าจะใช้เงินลงทุนเมกะวัตต์ละ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกันก็มีพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ในอ.จะนะ จ.สงขลาด้วย ซึ่งก็มีศักยภาพที่จะสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯ ด้วย
ขณะนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมทุนทั้งไทยและต่างชาติ จำนวนมาก อาทิ บ้านปู กัลฟ์อิเลคตริก รวมถึงมิตซูบิชิ และโซชิซึ ซึ่งเป็นบริษัทเทรดเดอร์ประเทศญี่ปุ่นด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อยื่นขอใบอนุญาต (อีไอเอ)
|
|
|
|
|