Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กุมภาพันธ์ 2550
"อนันดา" คิดการใหญ่รุกอสังหาฯหลังทุนอเมริกาหว่านเงินเพิ่ม 500 ล้าน US             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

   
search resources

อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ.
Real Estate




"อนันดา" คิดการใหญ่หลังไพร์มเมอริกา จากอเมริกาหนุนหลังใส่เงินเพิ่ม 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เล็งตั้งบริษัทลูกปูพรมลงทุนทุกเซ็กเมนต์ ประเดิมปี 50 เปิด AD1 พัฒนารอบสุวรรณภูมิ 7 โครงการ 14,000 ล้านบาท กลางปีเปิดเพิ่ม AD2 รุกตลาดคอนโดตั้งเป้า 2 ปี ผุด 10-15 อาคาร ใช้เงินลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เล็งโกอินเตอร์ลุยตลาดในภูมิภาคเอเชีย

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้รับเงินจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทีเอ็มดับบลิว เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ 1 ภายใต้การบริหารงานของ ไพร์มเมอริกา เรียลเอสเตท อินเวสเตอร์ จากสหรัฐอเมริกา และเป็นส่วนหนึ่งใน พรูเดนเชียล ไฟแนลเชียล อิงค์ ซึ่งถือเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ติดอับดับ 1 ใน 5 ของสหรัฐอเมริกา

โดยในปี 50 นี้ บริษัทจะมีการรุกตลาดอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะกองทุนดังกล่าวจะนำเงินเข้ามาลงทุนในบริษัทฯ เพิ่มอีก 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ แบบครบวงจร ทั้งแนวราบ คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง, อาคารสำนักงาน, ศูนย์สรรพสินค้า,และโรงแรม รวมไปถึงการลงทุนในสนามแข่งขันรถยนต์พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล พัทยา เซอร์กิต

ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลการลงทุน ซึ่งในเบื้องต้นจะเป็นการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อดูแลในแต่ละเซ็กเตอร์ ภายใต้ชื่อ AD (Ananda Development) อาทิ ลงทุนอสังหาฯโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ จะใช้ชื่อบริษัท AD1 (Ananda Development 1) และหากมีการลงทุนพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียม อาจจะใช้ AD2, 3, 4 เป็นต้น

สำหรับการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดฯ นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งบริษัท คาดว่าจะสามารถจัดตั้งแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 2 นี้ หลังจากนั้นจะสามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันทีโดยบริษัทสนใจที่จะพัฒนาทั้งตลาดบน กลาง และล่าง แต่ในระยะแรกนี้ให้น้ำหนักไปที่ตลาดกลาง-ล่าง ก่อน โดยตั้งเป้าภายในระยะเวลา 1-2 ปี จะพัฒนาให้ได้ 10-15 อาคาร ราคาเฉลี่ยประมาณ 5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ตนให้ความสนใจทำเลย่านลาดพร้าว พหลโยธิน และรัชดาภิเษก เป็นพิเศษ เนื่องจากอยู่ในแนวระบบรถไฟฟ้า และคาดว่าทั้งปี 50 นี้จะสามารถพัฒนาโครงการคอนโดฯ ได้ประมาณ 5 โครงการ

ส่วนโครงการอื่นๆ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล โดยโครงการประเภทใดที่บริษัทไม่มีความเชี่ยวชาญ จะดึงบริษัทผู้เชียวชาญด้านนั้นเข้ามาบริหาร รวมไปถึงการดึงมืออาชีพด้านต่างๆ เข้ามาช่วย ล่าสุดได้ดึงตัว นายธานินทร์ ตั้งทวีพัฒนากุล จากบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มาดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัทฯ ด้วย แต่ทุกส่วนจะอยู่ภายใต้นโยบายของตนที่วางไว้แต่เพียงผู้เดียว

"นับจากปี 50 เป็นต้นไป เราจะทำการรีแบรนด์อนันดาฯ ให้เป็นชื่อบริษัทเท่านั้น โดยโครงการที่จะพัฒนาขึ้นในอนาคตเราจะใช้ชื่อ AD by Ananda โดยแต่ละบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาจะดูแลโครงการแต่ละโซนแต่ละประเภทไป และจัดมืออาชีพแต่ละคนไปบริหารงานในแต่ละบริษัทที่ก่อตั้งมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ การบริหารรูปแบบนี้ฟังดูเกินจริง แต่ในต่างประเทศแล้วเป็นเรื่องปกติ เพราะเค้าลงทุนกันทั่วโลกไม่จำเป็นต้องสร้างบุคลากรไว้ทุกที่ แต่จะใช้วิธีเอ้าส์ซอร์ทแทน" นายชานนท์ กล่าว

นายชานนท์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ถือเป็นปีที่บริษัทเตรียมพร้อมอย่างรัดกุมมากขึ้น หลังจากที่มีการขยายการลงทุนเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการรีแบรนด์บริษัทฯ ใหม่ เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านการโฆษณา และประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงครึ่งปีหลังที่จะมีการเปิดโครงการใหม่หลายโครงการ

นอกจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมทางด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดแคมเปญพิเศษ การออกงานอีเว้นท์ต่างๆ การจัดกิจกรรม ณ โครงการ เพื่อสร้างความรู้จักและแนะนำสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามขณะนี้กองทุนดังกล่าวมีเม็ดเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมมาลงทุนในประเทศต่างๆ แถบเอเชีย ซึ่งในส่วนของตนคิดว่าหากมีโอกาสและมีการวางแผนลงทุนที่ชัดเจน ก็น่าที่จะนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้มากที่สุด และในอนาคตมีแผนที่จะร่วมลงทุนในประเทศภูมิภาคเอเชีย อย่างเวียดนาม พม่า กัมพูชา หรือจีน เป็นต้น

นายชานนท์ กล่าวต่อไปว่า จากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บ้างพอสมควร แต่ผู้ประกอบการควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสมากกว่า เพราะเงินจากกองทุนที่ได้มา ไม่ได้มีการเสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด ดังนั้นหากมีการวางแผนการลงทุนที่ดี ไม่ประมาท ก็น่าจะไปได้ดี

ส่วนกรณีที่ภาครัฐมีการแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว, มาตรการเงินทุนสำรอง 30% ของบริษัทต่างชาติและปัญหาเกี่ยวกับสนามบินสุวรรณภูมินั้นขณะนี้มองว่ายังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด ซึ่งกว่าจะมีการพิจารณาเสร็จจะสรุปได้ประมาณกลางปี 50 และเมื่อถึงเวลานั้นค่อยมาปรับโครงสร้างกันใหม่ ซึ่งในส่วนของพันธมิตรจากกองทุนดังกล่าวจะค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศไทยเป็นอย่างดี ประกอบกับการลงทุนของเขาเป็นการลงทุนระยะยาว และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือจึงยังไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด

สำหรับเม็ดเงินก้อนแรกที่กองทุนดังกล่าวนำมาร่วมลงทุนนั้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 75 ล้านยูโร โดยปัจจุบันได้ใช้เงินไปแล้ว 50 ล้านยูโร ในการพัฒนาโครงการรอบสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 14,000 ล้านบาท ได้แก่ สิรินดา รีสอร์ท ไลฟ์ บนพื้นที่ 34 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 815 ล้านบาท กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเม.ย.50 นี้ ส่วนอีก 6 โครงการที่เหลือจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ สิรินดา เพอร์เฟค ไลฟ์ บนพื้นที่ 81 ไร่ รวมมูลค่าโครงการ 1,885 ล้านบาท, อนันดา สปอร์ไลฟ์ 2 บนพื้นที่ 57 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,609 ล้านบาท, โครงการในย่านร่มเกล้า, กรุงเทพ-กรีฑา จำนวน 2 โครงการ บนพื้นที่ 38 และ 53 ไร่ มูลค่าโครงการ 993 ล้านบาท และ 1,099 ล้านบาท, โครงการย่านอ่อนนุช-ลาดกระบัง บนพื้นที่ 212 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,839 ล้านบาท และโครงการย่านหนามแดง บนพื้นที่ 123 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,055 ล้านบาท

ทั้งนี้ นอกเหนือจากเงินทุนจากกองทุนแล้ว บริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินภายในประเทศจาก 3 ธนาคารใหญ่ คือ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.ธนาคารกสิกรไทย และบมจ.ไทยธนาคาร   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us