"อนันดา" คิดการใหญ่หลังไพร์มเมอริกา จากอเมริกาหนุนหลังใส่เงินเพิ่ม 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เล็งตั้งบริษัทลูกปูพรมลงทุนทุกเซ็กเมนต์ ประเดิมปี 50 เปิด AD1 พัฒนารอบสุวรรณภูมิ 7 โครงการ 14,000 ล้านบาท กลางปีเปิดเพิ่ม AD2 รุกตลาดคอนโดตั้งเป้า 2 ปี ผุด 10-15 อาคาร ใช้เงินลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เล็งโกอินเตอร์ลุยตลาดในภูมิภาคเอเชีย
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้รับเงินจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทีเอ็มดับบลิว เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ 1 ภายใต้การบริหารงานของ ไพร์มเมอริกา เรียลเอสเตท อินเวสเตอร์ จากสหรัฐอเมริกา และเป็นส่วนหนึ่งใน พรูเดนเชียล ไฟแนลเชียล อิงค์ ซึ่งถือเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ติดอับดับ 1 ใน 5 ของสหรัฐอเมริกา
โดยในปี 50 นี้ บริษัทจะมีการรุกตลาดอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะกองทุนดังกล่าวจะนำเงินเข้ามาลงทุนในบริษัทฯ เพิ่มอีก 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ แบบครบวงจร ทั้งแนวราบ คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง, อาคารสำนักงาน, ศูนย์สรรพสินค้า,และโรงแรม รวมไปถึงการลงทุนในสนามแข่งขันรถยนต์พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล พัทยา เซอร์กิต
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลการลงทุน ซึ่งในเบื้องต้นจะเป็นการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อดูแลในแต่ละเซ็กเตอร์ ภายใต้ชื่อ AD (Ananda Development) อาทิ ลงทุนอสังหาฯโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ จะใช้ชื่อบริษัท AD1 (Ananda Development 1) และหากมีการลงทุนพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียม อาจจะใช้ AD2, 3, 4 เป็นต้น
สำหรับการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดฯ นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งบริษัท คาดว่าจะสามารถจัดตั้งแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 2 นี้ หลังจากนั้นจะสามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันทีโดยบริษัทสนใจที่จะพัฒนาทั้งตลาดบน กลาง และล่าง แต่ในระยะแรกนี้ให้น้ำหนักไปที่ตลาดกลาง-ล่าง ก่อน โดยตั้งเป้าภายในระยะเวลา 1-2 ปี จะพัฒนาให้ได้ 10-15 อาคาร ราคาเฉลี่ยประมาณ 5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ตนให้ความสนใจทำเลย่านลาดพร้าว พหลโยธิน และรัชดาภิเษก เป็นพิเศษ เนื่องจากอยู่ในแนวระบบรถไฟฟ้า และคาดว่าทั้งปี 50 นี้จะสามารถพัฒนาโครงการคอนโดฯ ได้ประมาณ 5 โครงการ
ส่วนโครงการอื่นๆ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล โดยโครงการประเภทใดที่บริษัทไม่มีความเชี่ยวชาญ จะดึงบริษัทผู้เชียวชาญด้านนั้นเข้ามาบริหาร รวมไปถึงการดึงมืออาชีพด้านต่างๆ เข้ามาช่วย ล่าสุดได้ดึงตัว นายธานินทร์ ตั้งทวีพัฒนากุล จากบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มาดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัทฯ ด้วย แต่ทุกส่วนจะอยู่ภายใต้นโยบายของตนที่วางไว้แต่เพียงผู้เดียว
"นับจากปี 50 เป็นต้นไป เราจะทำการรีแบรนด์อนันดาฯ ให้เป็นชื่อบริษัทเท่านั้น โดยโครงการที่จะพัฒนาขึ้นในอนาคตเราจะใช้ชื่อ AD by Ananda โดยแต่ละบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาจะดูแลโครงการแต่ละโซนแต่ละประเภทไป และจัดมืออาชีพแต่ละคนไปบริหารงานในแต่ละบริษัทที่ก่อตั้งมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ การบริหารรูปแบบนี้ฟังดูเกินจริง แต่ในต่างประเทศแล้วเป็นเรื่องปกติ เพราะเค้าลงทุนกันทั่วโลกไม่จำเป็นต้องสร้างบุคลากรไว้ทุกที่ แต่จะใช้วิธีเอ้าส์ซอร์ทแทน" นายชานนท์ กล่าว
นายชานนท์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ถือเป็นปีที่บริษัทเตรียมพร้อมอย่างรัดกุมมากขึ้น หลังจากที่มีการขยายการลงทุนเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการรีแบรนด์บริษัทฯ ใหม่ เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านการโฆษณา และประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงครึ่งปีหลังที่จะมีการเปิดโครงการใหม่หลายโครงการ
นอกจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมทางด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดแคมเปญพิเศษ การออกงานอีเว้นท์ต่างๆ การจัดกิจกรรม ณ โครงการ เพื่อสร้างความรู้จักและแนะนำสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้กองทุนดังกล่าวมีเม็ดเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมมาลงทุนในประเทศต่างๆ แถบเอเชีย ซึ่งในส่วนของตนคิดว่าหากมีโอกาสและมีการวางแผนลงทุนที่ชัดเจน ก็น่าที่จะนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้มากที่สุด และในอนาคตมีแผนที่จะร่วมลงทุนในประเทศภูมิภาคเอเชีย อย่างเวียดนาม พม่า กัมพูชา หรือจีน เป็นต้น
นายชานนท์ กล่าวต่อไปว่า จากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บ้างพอสมควร แต่ผู้ประกอบการควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสมากกว่า เพราะเงินจากกองทุนที่ได้มา ไม่ได้มีการเสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด ดังนั้นหากมีการวางแผนการลงทุนที่ดี ไม่ประมาท ก็น่าจะไปได้ดี
ส่วนกรณีที่ภาครัฐมีการแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว, มาตรการเงินทุนสำรอง 30% ของบริษัทต่างชาติและปัญหาเกี่ยวกับสนามบินสุวรรณภูมินั้นขณะนี้มองว่ายังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด ซึ่งกว่าจะมีการพิจารณาเสร็จจะสรุปได้ประมาณกลางปี 50 และเมื่อถึงเวลานั้นค่อยมาปรับโครงสร้างกันใหม่ ซึ่งในส่วนของพันธมิตรจากกองทุนดังกล่าวจะค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศไทยเป็นอย่างดี ประกอบกับการลงทุนของเขาเป็นการลงทุนระยะยาว และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือจึงยังไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
สำหรับเม็ดเงินก้อนแรกที่กองทุนดังกล่าวนำมาร่วมลงทุนนั้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 75 ล้านยูโร โดยปัจจุบันได้ใช้เงินไปแล้ว 50 ล้านยูโร ในการพัฒนาโครงการรอบสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 14,000 ล้านบาท ได้แก่ สิรินดา รีสอร์ท ไลฟ์ บนพื้นที่ 34 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 815 ล้านบาท กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเม.ย.50 นี้ ส่วนอีก 6 โครงการที่เหลือจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ สิรินดา เพอร์เฟค ไลฟ์ บนพื้นที่ 81 ไร่ รวมมูลค่าโครงการ 1,885 ล้านบาท, อนันดา สปอร์ไลฟ์ 2 บนพื้นที่ 57 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,609 ล้านบาท, โครงการในย่านร่มเกล้า, กรุงเทพ-กรีฑา จำนวน 2 โครงการ บนพื้นที่ 38 และ 53 ไร่ มูลค่าโครงการ 993 ล้านบาท และ 1,099 ล้านบาท, โครงการย่านอ่อนนุช-ลาดกระบัง บนพื้นที่ 212 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,839 ล้านบาท และโครงการย่านหนามแดง บนพื้นที่ 123 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,055 ล้านบาท
ทั้งนี้ นอกเหนือจากเงินทุนจากกองทุนแล้ว บริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินภายในประเทศจาก 3 ธนาคารใหญ่ คือ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.ธนาคารกสิกรไทย และบมจ.ไทยธนาคาร
|