Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กุมภาพันธ์ 2550
ธปท.มั่นใจปีนี้สินเชื่อแบงก์รุ่งมาตราการกันสำรองฯ หนุนหันกู้ในประเทศ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Banking




ธปท.คาดปีนี้ความต้องการสินเชื่อในประเทศเพิ่มสูงขึ้น เหตุมาตรการกันสำรอง 30% กระตุ้นให้นักลงทุนหันมากู้แบงก์ในประเทศมากขึ้น แนะแบงก์ต้องบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้มีประสิทธิภาพ เพื่อทดแทนความสามารถในการทำกำไรและการดำรงเงินกองทุนที่ลดลง ขณะที่ไตรมาส 4 ของปีก่อน ระบบแบงก์พาณิชย์ไทยเจอพิษ “IAS39” สร้างผลขาดทุนกว่าหมื่นล้าน โดยเฉพาะแบงก์ขนาดเล็ก-กลาง ขณะที่แบงก์รายใหญ่เร่งปรับโครงสร้างหนี้หนีเกณฑ์บัญชีใหม่ ทำให้มีเพียงกำไรลดลงเท่านั้น

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้คาดการผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในปี 2550 ยังคงมีธนาคารพาณิชย์บางแห่งจะต้องกันสำรองเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มทุนให้เพียงพอตามมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ ฉบับที่ 39 (IAS39) ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2551 แต่ ธปท.ได้ให้ทยอยปฏิบัติในส่วนของการด้อยค่าของสินทรัพย์และการกันสำรองตั้งแต่งวดบัญชีสิ้นธ.ค.49 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ความต้องการสินเชื่อในประเทศน่าจะเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อทดแทนการกู้ยืมจากต่างประเทศจากผลของมาตรการกันสำรอง 30% ของเงินทุนจากต่างประเทศที่นำเข้ามาลงทุนในไทย ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์ต้องมีความระมัดระวังการบริหารจัดการทั้งด้านสินทรัพย์และหนี้สินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและการดำรงเงินกองทุน

สำหรับผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ไทยล่าสุดในไตรมาส 4 ของปี 2549 ปรากฏว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 14,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการกันสำรองที่เพิ่มขึ้นมากของบางธนาคาร เพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชี IAS39 อย่างไรก็ตามหากไม่รวมการกันสำรองตามมาตรฐาน IAS39 ธนาคารพาณิชย์ไทยจะมีกำไรจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 27,700 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อธนาคารพาณิชย์ไทยนำมาตรฐานบัญชีใหม่มาใช้ส่งผลให้กำไรลดลงถึง 13,400 หรือลดลงเกือบเท่าตัวจนผลประกอบการกลับขาดทุนจำนวนดังกล่าว

ทั้งนี้ ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยจำนวน 14,300 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน เป็นผลขาดทุนของธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและขนาดเล็กบางแห่งเป็นสำคัญ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่งมีกำไรลดลง เนื่องจากมีรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ รวมทั้งมีการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึงประมาณ 36,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสำรองในระดับสูง เพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชี IAS39 ที่ธปท.ประกาศทยอยดำเนินการในงวดบัญชีสิ้นเดือนธ.ค.49 และงวดบัญชีสิ้นเดือนมิ.ย. และสิ้นเดือนธ.ค.50 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี มีธนาคารพาณิชย์บางแห่งสามารถดำเนินการกันสำรองได้เพียงในงวดบัญชีเดียว ถือเป็นเรื่องที่ดี

อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมของการกันสำรองในระดับสูง ธนาคารพาณิชย์ไทยจะมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 27,700 ล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 36,600 ล้านบาท และลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนถึง 33,000 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและเงินปันผลไม่ได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงและค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธปท.ได้กำหนดให้สถาบันการเงินทยอยกันสำรองแบ่งเป็น 3 งวดบัญชีตามมาตรฐานทางบัญชีแบบใหม่ หรือ IAS39 โดยงวดแรกเริ่มในช่วงเดือนธ.ค.49 ที่ผ่านมา โดยต้องมีการกันเงินสำรอง 100% สำหรับลูกหนี้ประเภทศาลมีคำพิพากษาแล้วหรือยู่ระหว่างบังคับคดี และลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีให้กันสำรอง ส่วนงวดที่สองเริ่มกันเงินสำรองในช่วงเดือนมิ.ย.50 เป็นต้นไป โดยต้องมีการกันเงินสำรองในสัดส่วน 100% จากเดิม 50% สำหรับลูกหนี้ที่ถูกจัดเป็นหนี้ทรัพย์จัดชั้นสงสัยจะสูญและชั้นสงสัยให้กันสำรอง และงวดสุดท้ายในช่วงเดือนธ.ค.50 เป็นต้นไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่ถูกจัดเป็นสินทรัพย์จัดชั้นต่ำกว่ามาตรฐาน ถือเป็นลูกหนี้ที่มีมากที่สุดในระบบในปัจจุบันจะต้องถูกกันเงินสำรองในสัดส่วน 100% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 20%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us