เครือเจริญโภคภัณฑ์ประกาศวิสัยทัศน์รับปี 2550 เร่งสร้างคนเก่ง พร้อมเผยเคล็ดลับวิธีการสร้างคนเก่ง ชูเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ประจำปี เพื่อชี้แจงให้ผู้บริหารและพนักงาน 280,000 คน ในประเทศไทยและในต่างประเทศได้รับทราบถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์และธุรกิจในเครือฯ และในปีนี้ซึ่งย่างก้าวเข้สู่ปีที่ 86 ของเครือซีพี

โดยนายธนินท์กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแห่งความท้าทาย เนื่องจากประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในวิกฤตนั้นย่อมมีโอกาส ซีพีจะต้องใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส ทั้งนี้เพราะธุรกิจของซีพี คือ “พลังงานมนุษย์” ที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีประชากรโลกกว่า 3,000 ล้านคน จึงสามารถใช้ศักยภาพและความพร้อมขยายการลงทุนเข้าไปในประเทศข้างเคียงที่มีเศรษฐกิจสดใส ได้แก่ จีน เวียดนาม อินเดีย และรัสเซีย ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่ซีพีมีฐานการลงทุนอยู่แล้วทั้งสิ้น

“ซีพีเต็มไปด้วยโอกาส และมีโอกาสที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก เพราะปัจจุบันซีพีเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 500 บริษัทชั้นนำของโลกจากนิตยสารฟอร์เบส์ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำของโลก โดยล่าสุดเมื่อปี 2549 อยู่ในอันดับที่ 387”

ที่ผ่านมา นายธนินท์มักกล่าวเสมอว่า ตลาดทั่วโลก วัตถุดิบทั่วโลก เป็นของซีพี แต่ในการประกาศวิสัยทัศน์ในปี 2550 นี้ ได้เพิ่มเติมว่า คนเก่งทั่วโลก การเงินทั่วโลกล้วนเป็นของซีพี พร้อมกำหนดเป้าหมายให้ซีพีเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก

“วันนี้จึงขอร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันสร้างคน เราต้องคิดอะไรเป็นระดับโลก การที่ซีพีจะยิ่งใหญ่ได้ก็ต้องสร้างคน เป้าหมายสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่คนนั่นเอง เพราะถ้าไม่มีคน เราจะไปตลาดโลกได้อย่างไร” นายธนินท์ กล่าวตอนหนึ่งในการประกาศวิสัยทัศน์

นายธนินท์ ได้บอกถึงเคล็ดลับ 3 ประการ ในการสร้างคนเก่ง คือ 1.อำนาจ เพราะคนเก่งต้องมีเวทีมีอำนาจสำหรับใช้ในการแสดงความสามารถ 2.เกียรติ เพราะนอกจากการแสดงความสามารถอย่างเต็มที่แล้ว คนเก่งต้องได้รับการยอมรับ และ 3.เงิน ก็คือผลตอบแทนที่จูงใจ พร้อมขอให้ผู้นำกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เร่งดำเนินการสร้างและพัฒนาคนเก่งให้แก่ซีพีด้วย เพราะซีพีจะยิ่งใหญ่ได้ก็ต้องสร้างคน ถ้าไม่มีคนเก่งเราก็ไม่สามารถชนะได้ โดยหนึ่งในวัฒนธรรมของซีพีที่สำคัญก็คือต้องโปรโมทผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะการสร้างคนที่เก่งกว่าตัวเองขึ้นมา อย่างเช่นที่ตนเองเคยได้รับโอกาสนั้นจากนายจรัญและนายมนตรี เจียรวนนท์ ผู้เป็นพี่ชายและผู้บริหารสูงสุดในอดีต พร้อมกันนี้ได้ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ (Leadership Center)ขึ้นมา เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในระดับผู้บริหารและพนักงานขององค์กร ทั้งในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน

นอกจากนี้นายธนินท์ได้พูดถึงเรื่องการผูกขาดทางการค้า โดยกล่าวว่าซีพีไม่ได้ผูกขาดทางการค้าแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีนโยบายรักษาคู่แข่ง ซีพีจะไม่ทำลายคู่แข่ง และยังต้องแบ่งตลาดให้ เพื่อให้คู่แข่งสามารถอยู่รอดในตลาดได้ ทั้งนี้เพราะถ้าทำลายคู่แข่งไป ก็อาจมีคู่แข่งใหม่เข้ามาซึ่งอาจจะแข็งแกร่งกว่า ส่วนปัจจัยที่ทำให้ซีพีเป็นผู้นำตลาดคือการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นตัวนำตลาดนั่นเอง