Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2546








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2546
จากผู้คุมกฎสู่ผู้เล่น             
โดย ฐิติเมธ โภคชัย
 

   
related stories

ข้อมูลบุคคล ดร.พิชิต อัคราทิตย์

   
search resources

เอ็มเอฟซี, บลจ.
พิชิต อัคราทิตย์




การกระโดดออกมาจากแวดวงภาครัฐสู่องค์กรเอกชนของเขาในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการพิสูจน์ตนเองว่ามีศักยภาพในการบริการธุรกิจและสร้างความมั่งคั่ง ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้มากน้อยเพียงใด

สำหรับวงการตลาดเงินในประเทศไทยการย้ายจากหน่วยงานภาครัฐสู่บริษัทเอกชนระดับผู้บริหาร ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่สำหรับตลาดทุนเหตุการณ์ดังกล่าวมีให้เห็นไม่บ่อยมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมกองทุนรวม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากผู้เล่นหรือมืออาชีพ แต่สำหรับ ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการจัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี เป็นข้อยกเว้น

"ในเมืองไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ผู้ออกกฎในสิงคโปร์ หรือมาเลเซีย ส่วน ใหญ่ย้ายไปอยู่ฝ่ายเอกชนกันแทบทุกคน" ดร.พิชิตเล่า

หลังจากที่ ดร.เจษฎา โลหอุ่นจิตร ประกาศวางมือในฐานะกรรมการจัดการ บลจ.เอ็ม เอฟซี เมื่อปลายปีที่ผ่านมาบริษัท จำเป็นต้องเร่งสรรหาผู้นำคนใหม่เพื่อสานงานต่อ และเมื่อบริษัทประกาศรับสมัครผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ดร.พิชิตตัดสินใจเสนอตัวเข้ามาเพื่อให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณา

"ผมไม่รีรอเลยที่จะมาสมัครร่วมกับผู้บริหารคนอื่นๆ เพราะมีความรู้สึกว่าน่าสนใจดี"

ในที่สุด ดร.พิชิตได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการจัดการคนใหม่ใน บลจ.เอ็มเอฟซี และเป็น ครั้งแรกในชีวิตการทำงานของเขาในภาคเอกชน นับเป็นความท้าทายสำหรับตัวเองและองค์กรที่ไว้วางใจให้ผู้ออกกฎในฐานะอดีตผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาตลาดทุน สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำหน้าที่สำคัญ ยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ รับแรงกดดัน เพราะมีข้อสังเกตอยู่ว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมค่อนข้างแตกต่างจากธุรกิจโดยทั่วไป และผู้ออกกฎในภาคนี้ ไม่ใช่ราชการเต็มตัว ดังนั้นความคล่องตัวของการทำงานจึงค่อนข้างสูง

"ผมคุ้นเคยกับธุรกิจนี้ดี ในสมัยที่ทำงานให้ ก.ล.ต. หน้าที่คือ ศึกษาอุตสาห-กรรมกองทุนรวมในประเทศกำลังพัฒนา โดยประเทศไทยได้รับหน้าที่เป็นประธานคณะทำงานเกี่ยวกับนักลงทุนสถาบัน เป็นการศึกษากองทุนรวมระหว่างประเทศ ทำงานเกี่ยวกับโครงสร้างกองทุนรวมเพื่อหาวิธีการทำให้กองทุนรวมเติบโตและมีประสิทธิภาพ" ดร.พิชิตอธิบาย

ฉะนั้น ทั้งในแง่กระบวนการทำงาน ในภาครัฐกับภาคเอกชน เนื้อหาพื้นฐานของอุตสาหกรรมกองทุนรวมแยกกันไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นบทบาทหน้าที่การบริหารงาน การวางแผน การสั่งการ การจัดโครงสร้าง องค์กร และการประเมินผล

"ความแตกต่างอยู่ตรงที่ภาคเอกชนมีผลกำไรเป็นเป้าหมายหลัก และลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดด้วย ส่วนภาครัฐมองถึงผลประโยชน์สูงสุดโดยรวมของประเทศว่าทำอย่างไรประชาชนจะมีความสุขมากขึ้น" เขาชี้ "ระหว่างผลกำไรกับความสุขของประชาชน ตัววัดต่างกันอยู่ แล้ว อย่างแรกวัดง่าย แต่ความสุขนั้นวัดลำบากมาก ดังนั้น เป้าหมายขององค์กรเอกชนจึงสามารถดำเนินการได้ง่ายกว่าการบริหารในภาครัฐ"

เมื่อเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกของดร.พิชิต จึงไม่ขัดเขินสำหรับการกระโดดเข้ามาในวงการธุรกิจภาคเอกชน "มีความสนุกมากกว่าและจากประสบการณ์ที่ผ่านมา น่าจะช่วยได้มากเพราะผมค่อนข้างมีความ เข้าใจโครงสร้างการทำงานทั้งสองฝ่าย"

นอกจากนี้บรรยากาศการดำเนินงานของ บลจ.เอ็มเอฟซี มีความแตกต่างไปจากคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพของทางการที่แสดงออกมาในด้านความระมัดระวัง และเป็นไปตามกฎระเบียบของภาครัฐกับเรื่องความมั่นคง ยิ่งทำให้ดร.พิชิตไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก

"เรื่องดังกล่าวสอดคล้องไปกับสภาวะอุตสาหกรรมกองทุนรวม ขณะที่พวกเราต้องการความน่าเชื่อถือ ผมจึงเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานบริษัท"

ภารกิจหลักและเป็นความตั้งใจอันดับแรกของ ดร.พิชิต หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็คือ ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลประโยชน์และบริการดีที่สุดตามเจตนารมณ์ของแต่ละคน โดยเขาจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้สำหรับการดำเนินกิจการและเพิ่มตัวแทน จำหน่ายกองทุนมากขึ้นเพื่อความสะดวกในการติดต่อกับนักลงทุน

นอกเหนือไปจากนี้กระบวนการควบรวมกองทุนตราสารทุนนับเป็นภารกิจหลีกเลี่ยงไม่ได้ของ ดร.พิชิต เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน หลังจาก ก.ล.ต.อนุญาตให้ดำเนินการได้ ขณะนี้กระบวนการอยู่ในระหว่างส่งจดหมายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนว่ายินยอมให้บริษัทควบรวมกองทุนดังกล่าวหรือไม่

"พวกเราต้องการทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน แต่ทางออกแบบนี้ ถ้าหากว่ามีปัญหาจากการควบรวมจะต้องมีทางออกให้พวกเขาเหมือนกัน เช่น เปลี่ยนไปถือกองทุนอื่นๆ โดยบริษัทจะชดเชยผลตอบแทนให้" ดร.พิชิตอธิบาย "แต่การควบรวมกองทุนหุ้นหากมองในแง่กองทุนรวมเพื่อลดความเสี่ยงด้านการบริหารกองทุน แต่ต้องพิจารณาลูกค้าด้วยว่าพึงพอใจหรือไม่"

สำหรับการเติบโตตัวเลขมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ในปีนี้เขาคาดว่าไม่แตกต่างไปจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20% แต่จะมีกองทุนใหม่ๆ ออกมาประมาณ 10-15 กองทุน เน้นรูปแบบที่สามารถตอบสนอง ให้กับนักลงทุน เช่น ความต้องการผลตอบ แทนลักษณะกึ่งๆ ประกันเงินต้นซึ่งกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน

"ปีที่ผ่านมาบริษัทค่อนข้างแข็ง แกร่งด้านกองทุนตราสารทุน ให้ผลตอบแทนเกือบ 30% และในปีนี้คาดว่าตัวเลขยังคงอยู่ในระดับเดียวกัน เพราะราคาหุ้นไทยค่อนข้างต่ำ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดีกว่าประมาณการ" ดร.พิชิตกล่าว

ขณะที่กองทุนตราสารหนี้แม้ว่าโอกาสเติบโตยังมีอยู่บ้าง แต่หากมองในแง่ผลตอบแทน บลจ.เอ็มเอฟซีให้น้ำหนักกับกองทุนตราสารทุน "แต่หากมองการทำงานภาพรวมพวกเราให้ความสำคัญกับผู้ถือหน่วยลงทุนมากกว่าเครื่องมือ เพราะพวกเขาจะเป็นคนบอกว่ากองทุนรวมที่จะออกขายมีลักษณะอย่างไร"

จากเอกลักษณ์ของ บลจ.เอ็มเอฟซี และการผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน พร้อมๆ กับการเติบโตตลาดทุนไทย ผสมผสานกับประสบการณ์ในตลาดทุนของดร.พิชิตน่าจะส่งผลให้เกิดความกระตือ รือร้นมากขึ้น แม้ว่าเขาจะรักษาแนวทางอนุรักษนิยมเอาไว้ก็ตาม

"ช่วงที่ทำงานกับ ก.ล.ต. อยากเห็น กองทุนรวมสักแห่งอยู่ในอุดมคติ ซึ่งเป็นความรู้สึกปกติของฝ่ายออกกฎระเบียบ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ฝ่ายผู้เล่นเป็นความท้าทายว่า เราจะสามารถทำได้อย่างที่เคยใฝ่ฝันหรือไม่" เขาเล่า

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us