|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เผย อาร์เอส สนเผือกร้อน เข้าถือหุ้นในไอทีวี ด้านสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ยังอ้ำอึ้ง "หม่อมอุ๋ย" สวมบทเจ้าหนี้จอมโหดทวงค่าสัมปทาน ไอทีวี 2.2 พันล้าน ยื่นคำขาด "ขอเงินสดเท่านั้น" เสนอทางเลือกใหม่ ผ่อนชำระเป็นงวดๆ ภายใน 30 วัน หากพลาดโอกาสหนีหนี้ไม่ขอประกันความปลอดภัย “คุณหญิงทิพาวดี” อุบไต๋แผนเชือด “ไอทีวี” เบี้ยวหนี้รอบสอง การันตีทำทุกอย่างตามกฎหมาย ด้านไอทีวีซึ้งโอดหากไม่สามารถหาได้ทัน อาจต้องหันหน้าเข้าหา สปน.อีก ปรับผังใหม่ชูช่วงไพร์มไทม์เน้นบริหารเองทั้งหมด ส่วน "ประทิน" แย้มผลสอบพบ บริษัท ไร่ส้ม ของสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ทุจริตเวลาโฆษณา ช่อง 9 อสมท
แหล่งข่าวจากบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หนึ่งในพันธมิตร 2-3 รายที่สนใจเข้ามาช่วยไอทีวีคือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) โดยทางอาร์เอส มีความประสงค์ที่จะเข้ามาถือหุ้น พร้อมกับช่วยแบกรับหนี้ที่ทางไอทีวีมีอยู่ด้วย ส่วนรายละเอียดว่าจะมีการเจรจาออกมาเป็นเช่นไรนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) โดยเลี่ยงที่จะตอบคำถามตรงๆ โดยกล่าวแต่เพียงว่า ธุรกิจโทรทัศน์ถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งทีทางบริษัทฯ มีความสนใจที่จะทำ เนื่องจากในปัจจุบัน บริษัทฯ มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นคอนเท้นต์ที่หลากหลาย คอนเทนต์ทางด้านเพลง ศิลปิน กีฬา และการผลิตรายการ รวมถึงทีมงานที่มีความแข็งแกร่ง ส่วนจะดำเนินธุรกิจนี้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับทางกฎหมายของทางภาครัฐ รวมถึงสภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งถ้ามีโอกาสบริษัทฯ ก็จะเข้าไปดำเนินธุรกิจดังกล่าวทันที
อากู๋ชี้สัมปทานภาระหนัก
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีความสนใจทำทีวีแต่ต้องเป็นทีวีดิจิตอลมากกว่า ซึ่งรัฐบาลควรเปิดกว้างให้ผู้สนใจมาลงทุน ผมเองก็อยากได้ทำ เพราะผมมีคอนเท้นต์อยู่ในมือมากมาย ส่วนกรณีของไอทีวีนั้น สนใจหรือไม่ต้องขอดูเงื่อนไขก่อน ถ้าแพงก็ไม่เอา อีกอย่างเรื่องของค่าสัมปทานนั้นถือเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ของไอทีวี คงลำบาก
“อุ๋ย” กำชับ ต้องจ่ายใน 30 วันนี้
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ขยายเวลาการชำระค่าสัมปทานค้างชำระ 2.2 พันล้านบาท ของไอทีวี ออกไปอีก 30 วันว่า จากที่สอบถามจากนายจุลยุทธ หิรัญยวะสิต ปลัด สปน.แล้ว ซึ่งทางปลัดได้แจ้งว่า ตามกฎหมายแล้วเมื่อพ้นเส้นตายที่กำหนดไว้ว่า เมื่อครบ 45 วัน ที่ทาง สปน.ยื่นหนังสือไปยังไอทีวีแล้ว ก็เป็นสิทธิทางกฎหมายที่ สปน.จะใช้สิทธิ์การทวงถามตามกฎหมาย ถือเป็นการให้โอกาสอีกครั้งก่อน
"หากเราให้โอกาสแล้วทางไอทีวีปฏิเสธโอกาส เราก็จำเป็นต้องดำเนินการตามที่ควรได้ ยืนยันว่าจะเดินตามกฎหมาย เพราะเดินต่างจากนี้คงไม่ได้ ถ้าทางไอทีวี ระดมเงินมาจ่ายได้ภายใน 30 วัน เราก็ยังให้โอกาสอยู่ จ่ายภายในวันนี้ ก็ยังทัน"
เมื่อถามว่าหากไอทีวีจะขอจ่ายค่าสัมปทานค้างจ่ายกว่า 2.2 พันล้านบาท ด้วยการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ได้หรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สามารถผ่อนส่งได้ภายใน 30 วัน หรือจะผ่อนทุกวันก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ต้องผ่อนภายใน 30 วันเท่านั้น
"ถ้าหากไอทีวีไม่ชำระค่าสัมปทานค้างจ่ายจำนวน 2.2 พันล้านบาท ทางรัฐบาลจะยกเลิกสัมปทานหรือไม่นั้น เรื่องนี้ปลัด สปน.จะเป็นผู้ยื่นข้อเสนอเองว่าจะต้องทำอย่างไร ส่วนผมมีหน้าที่เพียงบอกว่า ถ้าไม่มีเงินสด ก็ไม่ต้องคุยกัน ผมยังยืนยันว่าไอทีวีต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น แต่เผอิญตอนนี้กฎหมายให้เวลา เราก็ต้องให้เวลา" รองนายกฯ กล่าวย้ำ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ ทางสปน.เตรียมแนวทางในการสู้คดีไว้แล้ว แต่จำเป็นต้องปรึกษากระทรวงการคลังหรือไม่ รมว.คลัง กล่าวว่า เป็นเรื่องดี แต่เชื่อว่าถ้าพ้นกำหนดเวลาเดิม คือหากเลยวันที่ 31 ม.ค. คาดว่าทาง สปน.จะปรึกษากระทรวงการคลัง ทั้งนี้ก็ไม่ทราบว่าทาง สปน.จะปรึกษาอะไร
ทิพาวดีอุบไต๋เกมเชือด
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากครบกำหนด 30 วัน แล้วไอทีวียังไม่ชำระหนี้ ตรงนี้เราก็มีแนวคิดของเราอยู่ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวจะต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ในนามของรัฐบาลยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายจริงๆ ปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรม มีความโปร่งใสชัดเจน และยืนยันว่าจะไม่เดือดร้อนต่อพนักงานไอทีวีและประชาชน คงพูดได้แค่นี้ พูดเกินกว่าขั้นตอนไม่ได้ จะไม่มีความเห็นที่เป็นส่วนตัว
ผังใหม่ไอทีวีบริหารไพร์มไทม์เองทั้งหมด
นายทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี เปิดเผยว่า ตามที่ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้ยืดระยะเวลาให้ทางไอทีวีไปอีก 30 วัน เพื่อให้มีการระดมทุนอีกครั้งนั้น ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสถานีต้องขอขอบคุณที่ให้โอกาสสถานีได้มีเวลาระดมทุนดังกล่าว ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับการระดมทุนนั้น จะขึ้นอยู่กับทางผู้ถือหุ้นมากกว่า ทางผู้บริหารสถานีไม่มีสิทธ์แต่อย่างไร ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าความคืบหน้าของการระดมทุนนั้นจะเป็นไปในทิศทางใด แต่เชื่อว่าระยะเวลาดังกล่าวทุกฝ่ายจะทำงานกันอย่างเต็มความสามารถ ส่วนภายใน 30 วัน หากยังไม่สามารถระดมทุนได้ ทางไอทีวีคงจะต้องเข้าไปปรึกษากับทาง สปน.ให้ช่วยเหลือไอทีวี ให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ทราบว่ามีพันธมิตรให้ความสนใจเข้าช่วยเหลือประมาณ 2-3 ราย นั้นจะเข้ามาช่วยในลักษณะใด นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า ทางไอทีวีเปิดรับความช่วยเหลือในการระดมทุนทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นเข้ามาถือหุ้น หรือให้กู้ก็ตาม ซึ่งในรายละเอียดนั้น ตนไม่ทราบแน่ชัด เพราะเป็นหน้าที่ของทางผู้ถือหุ้นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตนมีหน้าที่ในการทำให้ไอทีวีผลิตรายการที่ดีมีคุณภาพออกไปมากกว่า
ล่าสุดทางไอทีวีได้มีปรับผังรายการประจำปี 2550 แบ่งเป็นรายการข่าวและสาระ 72% และบันเทิง 28% โดยจะเริ่มออกอากาศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ผังใหม่เน้นบริหารเวลาช่วงไพร์มไทม์เอง 100% เริ่มเวลา 18.30-22.10 น. ประกอบด้วยรายการข่าว 60% สาระ 28% และบันเทิง 12% เริ่มตั้งแต่รายการเกมโชว์ “เกมเศรษฐีเด็ก” ต่อด้วยละครสำหรับเด็กและครอบครัว “โรบอทน้อย หัวใจเพชร” และในเวลา19.00 น. จะเป็นรายการข่าวภาคค่ำ ตามด้วยเวลา 20.30 น. เป็นรายการ “คืนนี้กับสายสวรรค์”
“ผังรายการใหม่นี้ จะเป็นตัวชี้วัดว่า ไอทีวีมีศักยภาพและความเข้มแข็งพอที่จะดำเนินงานต่อไป ซึ่งหลังจากที่นำผังใหม่ให้ลูกค้าได้พิจารณานั้น ต่างให้การตอบรับที่ดี โดยเม็ดเงินโฆษณาในเดือนกุมภาพันธ์มียอดเป็นที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าช่วงมกราคมที่ผ่านมา รายได้จากโฆษณาจะทรงตัวบ้างก็ตาม ซึ่งในส่วนของอัตราค่าโฆษณานั้น ทางสถานียังไม่ได้ปรับขึ้น ยังคงราคาเดิม เช่น ช่วงเวลาไพร์มไทม์ ราคา 2.5 แสนบาทต่อนาที“
นายทรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ช่วงไพร์มไทม์จะชูจุดแข็งในเรื่องของรายการข่าว หากเกิดเหตุการณ์ที่น่าสนใจขึ้น ทางสถานีสามารถโยกรายการทั้งหมดออก แล้วตามติดรายการสถานการณ์นั้นๆ ได้ทันที และจะให้ความสำคัญกับทีมงาน โดยได้ผลักดันผู้ประกาศข่าวหญิงอย่าง สายสวรรค์ ขยันยิ่ง ก้าวขึ้นสู่การทำหน้าที่พิธีกร กับรายการ คืนนี้กับสายสวรรค์ พร้อมกับควบหน้าที่ดูแลการผลิตรายการดังกล่าวด้วย ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะเป็นตัวช่วยให้ทีมงานยังคงร่วมงานกับทางไอทีวีอยู่ ขณะที่สถานีโทรทัศน์หลายช่องกำลังให้ความสำคัญกับรายการข่าว และมีการทาบทามผู้ประกาศข่าวจากช่องอื่นๆที่สามารถดึงคนดูได้ดีในขณะนี้
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบช่วงเวลาไพร์มไทม์แล้ว ไอทีวีมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 3.16% อยู่ในอันดับที่ 3 รองจากอันดับหนึ่งคือ ช่อง 7 มีส่วนแบ่ง 10.62% และอันดับสองคือ ช่อง 3 มีส่วนแบ่ง 5.85% ส่วนทางด้านเรตติ้งสถานีแล้วไอทีมีส่วนแบ่ง 1.2% อยู่ในอันดับที่ 3 รองจากอันดับหนึ่งคือช่อง 7 มีส่วนแบ่งที่ 3.89% อันดับสองคือ ช่อง 3 มีส่วนแบ่ง 2.5% ขณะที่หากเปรียบเทียบส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมแล้ว ไอทีวีมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 17.3% อยู่ในอันดับที่ 3 รองจากอันดับหนึ่งคือ ช่อง 7 มีส่วนแบ่ง 27.4% และอันดับสองคือ ช่อง 3 มีส่วนแบ่ง 22.2%
ชี้ไร่ส้มโฆษณาเกินเวลา
พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีการปล่อยให้มีการโฆษณาเกินเวลา ในรายการคุย คุ้ย ข่าว ของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ของนายสุรยุทธ์ สุทัศนจินดา และบริษัท จินตภา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และเจ้าหน้าที่ของ อสมท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารสัญญาการทำรายการในปี 2548-2549 ในส่วนของการโฆษณาระหว่างรายการที่ระบุว่า ในสัญญาระหว่างเอกชนกับ อสมท โดยเอกชนจะโฆษณาได้ 2 นาทีครึ่ง อสมท ได้ 2 นาทีครึ่ง ใน 30 นาที แต่ปรากฏว่า บริษัทไร่ส้ม โฆษณาเกินกว่าสัญญาจริง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับ อสมท จำนวน 138 ล้านบาท แม้ว่า บริษัทไร่ส้ม จะคืนเงินให้กับ อสมท ไปแล้วก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าจะต้องรับผิดชอบในการกระทำความผิดนี้ด้วย
"มีการทุจริตอย่างแน่นอน เพราะมีการโฆษณาเกินกว่าเวลาที่ทำไว้ในสัญญา โดยการสอบสวนนี้ได้สอบพยานเอกสาร สอบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนในการร่วมมือในการทุจริต ซึ่งผู้เกี่ยวข้องก็รู้อยู่ว่าเป็นการทุจริต แต่ก็ยังร่วมกันกระทำความผิด ขณะนี้ผมกำลังตรวจสอบเอกสารย้อนหลังไปในปี 2547 ด้วยว่ามีการกระทำความผิดในปีนี้ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ผลการสอบสวนทั้งหมดนี้ จะเสร็จสิ้นในเดือนก.พ.นี้ จากนั้นจะส่งผลการสอบสวนให้กับบอร์ด อสมท เพื่อพิจารณาต่อไป"
|
|
|
|
|