ดูเหมือนว่า สาระสำคัญของการจัดงานแถลงข่าวทิศทาง และนโยบายการตลาดของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายนี้
ไม่ได้อยู่ที่ถ้อยแถลงบนเวทีเท่านั้น
แทนที่จะแถลงข่าวบนห้องประชุมบนอาคารชินทาวเวอร์ หรือจัดแถลงข่าวธรรมดาๆ
ตามโรงแรม ที่มีเพียงแผ่นบนเวทีแถลงข่าว และเก้าอี้ให้ผู้สื่อข่าวนั่งฟังเหมือนอย่างเคยเป็นมา
งานแถลงข่าวทิศทาง และนโยบาย การตลาดที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของปี 2546
ของบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด หรือ เอไอเอส ไม่เพียงแต่ลงทุนเช่าห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์
ของศูนย์การ ค้าเซ็นทรัลพลาซา เป็นสถานที่จัดงาน และ ยังลงทุนตกแต่งประดับประดาสถานที่แถลงข่าวใหม่ที่ใช้สีขาวเป็นสีหลักจนดูสว่างสดใสไปทั่วบริเวณ
พรมหนานุ่มสีขาวถูกปูลาดบนพื้นตลอดทั่วบริเวณจัดงาน เสา และผนังทาทับด้วยสีขาว
ฉากกั้น เก้าอี้นั่ง ถูกคัดสรรมาทั้งรูปลักษณ์และสี แน่นอนต้องเป็นสีขาว
เท่านั้น แม้กระทั่งโพเดียมที่ใช้ก็เป็นแผ่นกระจกใส ด้านข้างๆ เป็นบูทที่ใช้แสดงบริการข้อมูลรูปแบบต่างๆ
ที่ถูกตกแต่งให้เข้ากับสไตล์ของการจัดงาน พร้อมๆ กับพนักงาน pretty girl
ที่ใส่ชุดสีขาวแซมเหลือง มาแนะนำการใช้บริการ
"เราต้องการสะท้อนให้เห็นว่าเอไอเอสเปลี่ยนไปแล้ว ในทิศทางที่ทันสมัยมาก
ขึ้น" กฤษณัน งามผาติพงศ์ รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัทแอดวานซ์
อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือเอไอ เอส บอกถึงที่มาของการฉีกรูปแบบสไตล์การจัดงานของเอไอเอส
เพื่อต้องการสื่อให้ กับผู้สื่อข่าว และตัวแทนจำหน่ายร้านเทเล วิซ ที่จะมาร่วมประชุมในช่วงบ่าย
งานในวันนั้น ไม่เพียงแต่การเปลี่ยน สไตล์การจัดงาน ที่หันมาสร้างรูปแบบการจัดงานอย่างมีเป้าหมาย
เพื่อสะท้อนบุคลิกใหม่ของเอไอเอสเท่านั้น แต่สไตล์การแต่งตัวที่ดูลำลองมากขึ้นของกฤษณัน
ที่มาด้วยชุดสูททับเสื้อเชิ้ตลายทาง กางเกง สีกากี ดูเหมือนจะเป็นความตั้งใจที่ต้องการ
สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้
เอไอเอสรู้ดีว่า โจทย์ของพวกเขาซับซ้อนกว่าเดิมมากนัก การทำตลาดในแบบ mass
marketing ด้วยโปรโมชั่นแบบเหมารวมไม่เหมาะกับภาวะตลาดในปัจจุบัน ที่ฐานลูกค้าขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ความต้องการหลากหลายมากขึ้น จำเป็นต้องมีบริการ หรือข้อเสนอที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้า
อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการรับรู้กันดี แต่ต้องให้เป็นรูปธรรม
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการ เอไอเอสคนล่าสุด จัดเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่
ประสบการณ์ในงานบริการลูกค้า ทำให้เธอถูกเลือกสำหรับธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่ต้องมุ่งไปที่การรักษาฐานลูกค้าเก่าที่เอไอเอสมีอยู่ถึง
11 ล้านรายในมือ เธอเป็นคนแรกที่ขึ้นมาแถลงข่าวทิศทางของเอไอเอส ที่แม้จะดูประหม่าเล็กน้อยในช่วงแรก
แต่เมื่อเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีทำให้เธอแถลงข่าวได้ไม่ติดขัด
"หน่วยงานการตลาดของเรา ปรับให้เป็น segmentation มากขึ้น กลุ่มอื่นๆ ของเราก็ต้องปรับการทำงานให้เป็น
customer relation management มากขึ้น" ถ้อยแถลงของเธอในวันนั้น
ในโอกาสนี้ เอไอเอสเปิดตัวทีมงาน การตลาด นำโดยกฤษณัน งามผาติพงศ์ อดีตผู้บริหารจากโนเกียที่เข้ามาเป็นแม่ทัพคุมงานด้านการตลาด
เจ้าของฉาย "ซูเปอร์ เค" ที่เขาบอกกับทุกคนในงาน ที่มาพร้อม กับทีมงานการตลาด
อีก 4 คน ซึ่ง 3 ใน 4 เป็นผู้บริหารเดิมของเอไอเอส ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล,
สุทธิชัย ชื่นชูศิลป์, สุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ยกเว้นตุลย์ สมสมาน ที่คร่ำหวอดอยู่ในสายงานด้านการตลาด
มา เป็นผู้จัดการสำนักบริหารช่องทางจำหน่าย
"บทสรุปของปีนี้คือ การตลาดที่สร้างสรรค์และเป็นการตลาดในเชิงกลยุทธ์"
กฤษณันบอกถึงเป้าหมายของเอไอเอส
เนื้อหาสาระของการแถลงข่าวในวันนี้ยังคงเป็นเรื่องของการให้ความสำคัญ กับบริการหลังการขายมาเป็นอันดับแรกๆ
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ลงทุนไปอย่างระบบ c-care บริการเนื้อหา (non-voice)
เป็นอีกโจทย์หนึ่งที่พวกเขาต้องทำให้เกิดรูปธรรมที่จับต้องได้ และต้องเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละกลุ่ม
และที่สำคัญคือ ต้องใช้งานได้ง่ายๆ และที่ลืมไม่ได้คือ exclusive ร่วมกับเอไอเอสเพียงรายเดียว
บูทที่จัดแสดงบริการเสริมต่างๆ ส่ง อีเมลด้วยกระดาษไวร์เลสแลน ที่จัดแสดงอยู่รอบบริเวณงาน
คือ สิ่งที่เอไอเอสพยายามสะท้อนแนวคิดเหล่านี้
"เราต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้าที่แท้จริง วันนี้เอไอเอสจะปรับภาพตรงนี้ click
เดียว ใช้บริการได้เลย ภาพตรงนี้เราจะเห็นภายในไตรมาสที่สอง"
แต่ดูเหมือนว่า สิ่งที่เอไอเอสไม่ลืม และเป็นสิ่งที่พวกเขายังคงตอกย้ำอยู่ตลอดเวลาก็คือ
ในเรื่องของเครือข่ายที่ครอบคลุมได้กว้างไกล ยังคงถูกใช้เป็นจุดขายของเอไอเอสอย่างต่อเนื่อง
ภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่องแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ any time any where ที่ถือเป็น
click off แรกของกิจกรรมในปีนี้ ก็เพื่อต้องการตอกย้ำเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดในหนังโฆษณาชุดใหม่คือ การหันมาให้น้ำหนัก
กับการนำเสนอในเชิงสร้างสรรค์ เน้นเรื่องราวของความรู้สึกมากขึ้น เป็นเรื่องราวระหว่างพ่อและลูก
พี่สาวและน้องสาว มาก กว่าโฆษณาที่เน้นการขายสินค้าหรือบริการ เหมือนเดิม
แม้ว่าเป้าหมายของเอไอเอสในปีนี้ ยังไม่แตกต่างไปจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
แต่การจัดงานของเอไอเอสในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง
เอไอเอสที่มีรายละเอียดมากขึ้น และทำขึ้นอย่างมีเป้าหมาย ที่สำคัญต้องสร้างบุคลิกใหม่ให้ดูทันสมัยสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้นกว่าเก่า