Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน31 มกราคม 2550
คลังฝืนยืนเป้าจีดีพีปี50โต4-5%ยันรับอานิสงส์ราคาน้ำมัน-เงินเฟ้อวูบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงการคลัง

   
search resources

กระทรวงการคลัง
พรรณี สถาวโรดม
Economics




คลังกัดฟันยืนเป้าจีดีพีปี 50 โต 4-5% รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ต่ำกว่าคาดกดดันให้เงินเฟ้อลดลง แต่ยังไม่วางใจติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แย้มกุมภาฯประเมินภาวะเศรษฐกิจอีกรอบ ส่วนทั้งปี 49 มั่นใจเศรษฐกิจโตไม่ต่ำกว่า 5% รับอานิสงส์จากภาคการส่งออกที่ขยายตัวถึง16.9% ยันฐานะการคลังไม่มีปัญหา โชว์จัดเก็บรายได้ยังเกินเป้า-หนี้สาธารณะลดลง

นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังคงประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปี 2550 ไว้ที่ 4-5% คงเดิม โดยมองว่ายังมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่อยู่ในระดับ 52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ในระดับที่ 61 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ แม้ภาคการส่งออกจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัวลงบ้าง แต่ช่วงที่ผ่านมาการส่งออกก็ยังขยายตัวได้อยู่

“แม้ส่งออกจะมีแนวโน้มลดลงจากเศรษฐกิจโลกมีการชะลอ แต่เท่าที่ดูก็ยังมีการส่งออกได้อยู่ จึงเชื่อว่าฐานะการคลังในปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะยังมีความมั่นคงอยู่มาก และที่ผ่านมามีการจัดเก็บภาษีได้เกินเป้าตลอด ประกอบกับหนี้สาธารณะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ฐานะการคลังทั้งปีจะเป็นอย่างไรคงจะต้องติดตามและประเมินต่อไป”นางพรรณี กล่าว

อย่างไรก็ตามแม้ว่ากระทรวงการคลังจะยังคงประมาณการจีดีพีไว้ที่ 4-5% ในปีนี้เหมือนเดิมแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ กระทรวงการคลังจะมีการติดตามและประเมินภาวะเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ก.พ. 2550 กระทรวงการคลังจะแถลงประมาณการเศรษฐกิจอีกรอบ

นางพรรณี กล่าวต่อถึง การขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2549 ว่าจะจะมีการขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศ ประมาณ 5.1% ซึ่ง สศค.เชื่อว่าจีดีพีจะขยายตัวได้เกิน 5%ได้แน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการประมาณการมาตลอดว่าในปี 2549 จีดีพีจะขยายตัวเกิน 5%

สำหรับภาวะเศรษฐกิจการคลังโดยรวมในเดือนธันวาคม 2549 ยังสามารถขยายตัวได้ดี โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวดีมากในขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกยังอยู่ระดับแข็งแกร่งมาก โดยภาวะเศรษฐกิจภายนอกในเดือนธันวาคมได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า

ด้านเครื่องชี้ภาวะการคลังพบว่าการจัดเก็บรายได้ขยายตัวได้ดี ในขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลปรับตัวลดลง ซึ่งเกิดจากการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2550 ล่าช้า โดยรายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลในเดือนธันวาคม 2549 มีจำนวนทั้งสิ้น 91.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.3 ต่อปี ขณะที่ด้านรายจ่ายงบประมาณในเดือนธันวาคม 2549 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 98.9 พันล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ -12.0 ต่อปี เนื่องจากการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2550 ล่าช้า

โดยเครื่องชี้ในด้านอุปทานพบว่า การผลิตภาคเกษตรในเดือนธันวาคมปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 11.4 ต่อปี ส่วนดัชนีราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ -2.4 ต่อปี จากที่หดตัวถึงร้อยละ -6.8 ต่อปี ในเดือนก่อน ทำให้คาดว่ารายได้เกษตรกรน่าจะมีการขยายตัวดีขึ้นในเดือนธันวาคม ขณะที่เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรมบ่งชี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ดังจะเห็นได้จากที่มูลค่าการนำเข้าวัตถุดิบในเดือนธันวาคมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.2 ต่อปี ในเดือนก่อน และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคมขยายตัวร้อยละ 7.2 ต่อปีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.1 ต่อปีในเดือนก่อน

นางพรรณี กล่าวอีกว่า ในส่วนของมูลค่าการส่งออกสินค้าเดือนธันวาคมยังคงขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 10,959 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงในทุกหมวดสินค้า ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้ายังคงขยายตัวในระดับต่ำตามการใช้จ่ายในประเทศที่ชะลอลง โดยมีมูลค่า 10,047.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ต่อปี เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวชะลอลงตามการลงทุนภายในประเทศ ทั้งนี้การที่มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวสูงกว่ามูลค่าการนำเข้าส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนธันวาคมเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ 911.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกจากนี้ เสถียรภาพทั้งภายในและภายนอกประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยหนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 40.8 ของ GDP ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ร้อยละ 50 ของ GDP ในขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 67.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นจาก 64.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม ขยายตัวในระดับเดียวกับเดือนก่อนที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมดัชนีราคาอาหารสดและพลังงาน ในเดือนธันวาคมปรับตัวลดลง อยู่ที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี จากร้อยละ 1.7 ต่อปี ในเดือนพฤศจิกายน

อย่างไรก็ตามภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 โดยรวมได้รับปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภายนอกที่ยังขยายตัวในระดับสูงและแนวโน้มราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลดลง ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us