"GEN" แจงแผนปี50 เน้นขยายธุรกิจเสาเข็ม พร้อมปรับตัวคุมคุณภาพการผลิต จัดส่ง ติดตั้งเพื่อลดต้นทุน หวังเพิ่มกำไรแตะระดับ 6-8% จากเดิม4-5% ยันไม่ขยายงานรับเหมาเพิ่ม ตั้งเป้าปี50โต12% หรือมีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท คาดปี51 ล้างขาดทุนสะสม110 ล้านได้หมด

นายวิชญา จาติกวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอร์รัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ "GEN" เปิดเผยว่า ในปี2550 บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจรวม 1,000 ล้านบาท

หรือมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 12% จากปี2549 โดยรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจเสาเข็ม 60% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท แยกเป็น การขายคอนกรีตอัดแรงชนิดไร้คาน15-16% คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท และการขายผนังสำเร็จรูป 8% มีมูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆ

ทั้งนี้ ที่บริษัทประมาณการว่าจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายตามที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากสถานการณ์ของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต อาทิ ราคาน้ำมันและเหล็ก เริ่มนิ่ง ส่วนอัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ การประกาศเดินหน้าการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่(เมกะโปรเจกต์)ของรัฐบาล ยังมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของตลาดก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้เสาเข็มเพิ่มขึ้น

ในขณะเดียวกันตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี2550 นี้ แม้ว่าจะมีการชะลอตัวของการก่อสร้างโครงการแนวราบลงไปบ้าง แต่ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียม และทาวน์เฮาส์ ยังมีอัตราการขยายตัวด้านการก่อสร้างโครงการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเชื่อว่าในปีนี้ ธุรกิจเสาเข็มจะมีอัตราการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10%

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเข้าไปรับงานก่อสร้างในโครงการบ้านจัดสรร และโครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ในหลายๆโครงการ แต่ในปีนี้ บริษัทจะไม่ขยายงานในส่วนดังกล่าวเพิ่ม เนื่องจากต้องการให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้บริษัทจะพยายามควบคุมต้นทุนในการผลิตการขายส่ง การติดตั้ง ให้มีคุณภาพสูงขึ้นและลดความเสียหายระหว่างการดำเนินการให้น้อยลง โดยคาดว่าวิธีการดังกล่าว จะผลักดันหใบริษัทมีกำไรสุทธิจากธุรกิจเสาเข็มเพิ่มขึ้นเป็น 6-8% จากเดิมกำไรอยู่ที่ 4-5% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของกำไรทุกๆ 1% คิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 5-6 ล้านบาท

"สำหรับโครงการที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ 2 โครงการ คือโครงการของ พลัส ซิตี้พาร์ค สนามบินน้ำ ของ บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และโครงการคาซ่าเวล่า สมุย"

นายวิชญา กล่าวว่า สำหรับเดือน ม.ค.50 นี้ บริษัทได้มีการเซ็นสัญญา2 สัญญา ในโครงการโรงงานไฟฟ้าบางประกงมูลค่า 70 ล้านบาท และงานผนังสำเร็จรูปของศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 20 ล้านบาท ทำให้ในเดือนม.ค.บริษัทมีงานเข้ามากว่า 100 ล้านบาท ส่วนงานเดิม(สต๊อก)ของบริษัทขณะนี้มีอยู่ 400ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท ช.การช่าง เพื่อรับงานปูพื้นในโครงการเอ็นเนอร์จีคอมเพล็กซ์ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 20-30 ล้านบาท

ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัทมียอดขาดทุนสะสมจากอยู่ 110 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ประมาณปี2551 โดยบริษัทจะนำกำไรจากการดำเนินการในปี49 ปี50 เข้ามาล้างขาดทุนสะสมของบริษัท ทั้งนี้ต้องขึ้นกับว่าบริษัทจะมียอดขายและรายได้ตามเป้าที่วางไว้หรือไม่ด้วย