|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พบประตูหนีไฟหลายจุดในสุวรรณภูมิใช้การไม่ได้ โครงสร้างเป็นโลหะหากไฟไหม้สุดอันตราย "บรรณวิทย์"เตรียมรื้อสัญญาทั้งหมด ลั่นเอาคนผิดมาลงโทษภายใน 3 เดือน ด้านคณะทำงานตรวจสอบรันเวย์ร้าวลงพื้นที่เจาะดินใต้รันเวย์ลึก 30 เมตรวิเคราะห์ก่อนเร่งสรุปสาเหตุการร้าวแล้ว “สรรเสริญ”ชี้แจงสนช. วันนี้ขณะที่ การบินไทย คาด 1 เดือนให้บริการได้ที่ดอนเมือง ส่วน "วัน-ทู-โก/นกแอร์" ตบเท้าพร้อมย้าย ชี้ผลดีมากกว่าผลเสีย เชื่อยอดผู้โดยสารเพิ่ม 10-20% พบพิรุธคำสั่งปิดรันเวย์ซ่อมด่วน 25 ม.ค. ที่ผ่านมา “สพรั่ง” หวั่นถูกวางยา เบี่ยงประเด็นเบนความสนใจทุจริต สั่งหาตัวนักบินไทยแอร์เอเชียที่เป็นคนแจ้ง ด้านบริษัท โพสต์ พับลิชชิงออกแถลงการณ์เมินรับผิดชอบอดีตนักข่าวคนเสนอรันเวย์ร้าวคนแรก
นอกจากทางขับหรือแท็กซี่เวย์ และ ทางวิ่งหรือรันเวย์ ในสนามบินสุวรรณภูมิจะมีปัญหาซึ่งสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยในการใช้สนามบินภายนอกเท่านั้น แต่ภายในอาคารก็พบว่ามีปัญหาเช่นกัน
ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีพล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธาน วานนี้(30ม.ค.) ได้มีการรายงานผลความคืบหน้าของการตรวจสอบของคณะอนุกรรมาธิการด้านต่างๆ
โดยพล.อ.อ.ธเรศ ปุณณะศรี ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและแก้ไขปัญหาการรักษาความสะอาดและสภาพแวดล้อมภายในสนามบินสุวรรณภูมิ รายงานว่า ประตูหนีไฟซึ่งเป็นแบบอัตโนมัติหลายจุดไม่สามารถใช้การได้ ต้องตัดกระแสไฟทิ้งจึงสามารถเปิดได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้บัตรเปิดแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ และโครงสร้างของบริเวณประตูทุกบานยังเป็นโลหะ หากเกิดไฟไหม้บานประตูจะเกิดความร้อนสูง ซึ่งถือเป็นอันตราย ส่วนห้องสูบบุหรี่ยังมีเครื่องฟอกอากาศและดูดอากาศที่ไม่ทำงาน ทั้งนี้คณะอนุกรรมาธิการฯจะเชิญเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่เกี่ยวข้องของทอท.มาชี้แจง เพื่อปรับปรุงแก้ไข
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า การย้ายเที่ยวบินภายในประเทศบางสายการบินไปยังสนามบินดอนเมือง เพราะสนามบินสุวรรณภูมิยังไม่มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทำให้เกิดปัญหาระหว่างผู้โดยสารภายในประเทศ และผู้โดยสารต่างประเทศ การที่รัฐบาลชุดที่แล้วไปคุยว่าสามารถลดค่าก่อสร้างได้หลายพันล้านบาทนั้น เป็นเพราะไม่ยอมสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เป็นการพูดความจริงไม่หมด
“เรากำลังเข้าไปรื้อดูสัญญาทั้งหมด เพื่อจะเอาผิดกับผู้บริษัทรับเหมา ที่สนามบินเพิ่งเปิดใช้ได้ 3-4 เดือน ยังอยู่ในช่วงการรับประกันที่บริษัทต้องรับผิดชอบ และจะดูว่าใครเป็นผู้ตรวจรับงาน ซึ่งตรงนี้จะมีผลที่สุด ในการที่จะลากเอาตัวคนผิดมาลงโทษ เท่าที่ดูข้อมูลการทุจริตในทุกโครงการ ล้วนสาวไปถึงตัวอดีตนายกฯทั้งหมด เปรียบสนามบินสุวรรณภูมิเหมือนเด็กที่เกิดมาพิกลพิการ แต่คนที่ทำให้เด็กคนนี้เกิดกลับไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศ เชื่อว่าจะเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ภายใน 3 เดือน เนื่องจากสวมหมวก 2 ใบในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร ทอท. ทำให้ลัดขั้นตอนในการสั่งการได้ ”
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (31 ม.ค.) นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมจะชี้แจงปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
เจาะรันเวย์ลึก 30 เมตรพิสูจน์ความชุ่ย
นายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางการตรวจสอบรอยร้าวทางขับหรือแท็กซี่เวย์และทางวิ่งหรือรันเวย์ ของสนามบินสุวรรณภูมิเปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการได้เร่งตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาที่เกิดขึ้นกับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งวานนี้ (30 ม.ค.) ได้สำรวจพื้นรันเวย์ด้วยการเจาะลงไปในความลึกประมาณ 30 เมตร เพื่อนำตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ พร้อมทั้งจะตรวจสอบประวัติย้อนหลัง ข้อมูลสถิติ เกี่ยวกับน้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าว , ระดับน้ำในช่วงเวลาต่างๆ ,ระดับน้ำใต้ดิน และการออกแบบ รวมถึงจะสำรวจดูระดับการทรุดตัวของรันเวย์ว่า ลักษณะการทรุดเป็นไปในระดับเดียวกันหรือไม่ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกรวบรวมและมาพิจารณาอีกครั้ง
พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หากโยกย้ายการบินของเที่ยวบินภายในประเทศที่ไม่มีการต่อเครื่องไปต่างประเทศมาใช้สนามบินดอนเมืองได้ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในเดือนเม.ย. 2550 นี้ก็จะเป็นผลดีเพราะจะช่วยลดความแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเวลาดังกล่าวลงได้เนื่องจากจะมีผู้โดยสารภายในประเทศค่อนข้างมาก ในขณะที่มีการซ่อมแซมและปรับปรุงพื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิบางส่วนอยู่ด้วย แต่ทั้งนี้ ไม่ได้สั่งการหรือกำหนดวันที่ลงไปเพราะการดำเนินการจะต้องรอบคอบและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องพร้อมด้วย
“ตั้งใจว่าจะเสนอครม.เร็วที่สุดในวันที่ 6 ก.พ. 2550 แต่ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลจะเรียบร้อยเมื่อไร ซึ่งครม.จะเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้งว่าจะใช้ดอนเมืองหรือไม่อย่างไร หากครม.เห็นด้วยกระทรวงคมนาคมก็จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ แต่หาก ครม.ไม่เห็นด้วยก็ต้องปรับเปลี่ยนแผน แต่จะยึดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ”
นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมขนส่งทางอากาศ(ขอ.) กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากกระทรวงคมนาคม ให้ทำเรื่องการให้สายการบินที่เป็นเที่ยวบินในประเทศแบบจุดต่อจุด กลับมาใช้สนามบินดอนเมืองเสนอในที่ประชุมครม. ในสัปดาห์หน้า
ทอท.เร่งปรับพื้นที่ดอนเมืองเสร็จใน 45 วัน
เรืออากาศเอกพินิจ สาหร่ายทอง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมืองกล่าวว่า จะสามารถปรับปรุงพื้นที่และบริการต่างๆ เพื่อรองรับการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ ตามผลสรุปของกระทรวงคมนาคมได้ภายใน 45 วัน เช่น การซ่อมแซมปรับสภาพผิวด้านหัว รันเวย์ ทิศตะวันตก ซึ่งเป็นจุดทัชดาวน์ หรือเครื่องบินลงแตะพื้นซึ่งมีลักษณะเป็นลอนคลื่น วงเงินประมาณ16 ล้านบาท และจะมีการว่าจ้างในส่วนของพนักงาน ทอท. 23 คน และลูกจ้างอีก 151 คน ซึ่งจะใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้นประมาณ 33 ล้านบาท ส่วนการให้บริการอื่นๆ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ภายในอาคารที่พักผู้โดยสารจะใช้เวลาดำเนินการจัดหาผู้ประกอบการได้ใน 30 วัน ขณะที่การจัดรถขนส่งสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ แอร์พอร์ตบัส และรถลีมูซีน เชื่อว่าจะสามารถเปิดบูธให้บริการได้ทันที
ทั้งนี้ ในหลักการจะแบ่งพื้นที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคารที่ 1 เป็น 2 ฝั่งโดยทำฉากกั้นเพื่อกันพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศของเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ให้บริการสำหรับผู้โดยสารภายในประเทศ โดยจากประมาณการคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณปีละ 5 ล้านคน
นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิเป็นการภายใน ว่า คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 60 วัน เตรียมแผนรายละเอียดในการโยกย้ายเที่ยวบินภายในประเทศกลับมาใช้สนามบินดอนเมือง
การบินไทยเชียร์ใช้ มี.ค.พร้อมตารางบินใหม่
ด้านเรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายวางแผนของบริษัทได้เริ่มเตรียมการขนย้ายอุปกรณ์กลับดอนเมือง ซึ่งเชื่อว่าจะมีค่าใช้จ่ายไม่มาก เพราะอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ฝ่ายช่าง และอุปกรณ์สำนักงานบางส่วนยังคงอยู่ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ส่วนที่จะต้องขนย้ายกลับไปจะมีเฉพาะรถให้บริการภาคพื้นและอุปกรณ์ไอทีสำหรับระบบเช็คอินผู้โดยสารเท่านั้น
คาดว่า การบินไทยจะใช้เวลาเตรียมการเร็วที่สุดประมาณ 1 เดือน แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมน่าจะเป็นปลายเดือนมี.ค. นี้ เพราะปกติการบินไทยจะปรับเปลี่ยนตารางการบินทั่วโลกปีละ 2 ครั้ง โดยในช่วงปลายเดือนมี.ค. จะเปลี่ยนไปใช้ตารางบินสำหรับฤดูร้อน (Summer Program) ซึ่งจะต้องมีการประกาศประชาสัมพันธ์ตารางบินใหม่ไปทั่วโลก หากฃการโยกย้ายล่าช้าออกไปอีก จะทำให้ต้องปรับเปลี่ยนตารางการบินหลายครั้ง
เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าวว่า การบินไทยได้ทำหนังสือถึง ทอท. ขอใช้อาคารผู้โดยสารในประเทศ ของดอนเมือง ซึ่งออกแบบสำหรับให้บริการเที่ยวบินในประเทศอยู่แล้วทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการเช็กอินและขึ้นเครื่องบินโดยทอท.มี อุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ส่วนสายการบินนกแอร์จะต้องย้ายด้วยหรือไม่ ต้องให้ผู้บริหารของนกแอร์พิจารณา แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าควรจะย้ายเช่นกัน
โอเรียนท์ไทย-นกแอร์พร้อมย้ายกลับดอนเมือง
นายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานกรรมการ บริษัท โอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ จำกัด ผู้บริหารสายการบิน วัน-ทู-โก กล่าวว่า การย้ายเส้นทางบินในประเทศให้กลับมาใช้สนามบินดอนเมือง เป็นสิ่งที่ดีและควรตัดสินใจเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว เพราะทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ กล่าวคือประชาชนสะดวกเรื่องการเดินทาง การท่าอากาศยานมีพื้นที่ให้สายการบินเพิ่มมากขึ้น ผู้ประกอบการสายการบินสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น สำหรับในส่วนของ วัน-ทู-โก คาดว่าจะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 20% ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มเส้นทางบิน และเพิ่มเที่ยวบินได้เร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางที่มีดีมานด์สูงในแต่ละฤดูกาล เช่น เส้นทาง เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น
ด้านนายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบิน นกแอร์ กล่าวว่า ยินดีที่จะย้ายไปใช้สนามบินดอนเมือง ซึ่งบริษัทจะลงทุนเพิ่มในส่วนของระบบไอทีบ้างเล็กน้อย แต่โดยภาพรวมแล้วถือว่าคุ้มค่า เพราะผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือประชาชนผู้ใช้บริการ ซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิ ระบบเส้นทางขนส่งและคมนาคม ยังไม่ดีพอ ทำให้ผู้ที่จะไปใช้สนามบินสุวรรณภูมิต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง ทำให้หันไปเลือกใช้การเดินทางในรูปแบบอื่นที่สะดวกกว่า ซึ่งหลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ลูกค้าของนกแอร์หายไปราว 10-15% แต่คาดว่าเมื่อกลับไปใช้สนามบินดอนเมือง ลูกค้าในส่วนที่หายไปจะกลับคืนมา และอาจเพิ่มขึ้นอีกราว 5-10%
ย้ายสนามบินไม่เสียความเชื่อมั่น
ส่วนสายการบินต่างประเทศ นายธนวัฒน์ เด่นนภาสุรพงศ์ ผู้จัดการ ประจำประเทศไทย สายการบิน KLM ให้บริการเส้นทางบิน กรุงเทพ-อัมสเตอดัมส์ กล่าวว่า การกลับไปใช้สนามบินดอนเมือง ไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของสายการบินต่างประเทศ โดยเฉพาะกับลูกค้าผู้ใช้บริการ ซึ่งจากการได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชาวต่างชาติ ทั้งที่เป็นระดับผู้บริหารสายการบิน และ กลุ่มนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการ ส่วนใหญ่ให้ความรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับสนามบินสุวรรณภูมิในขณะนี้ถือเป็นข้อบกพร่องที่สามารถแก้ไขได้ ไม่ใช่ปัญหา ส่วนเรื่องสายการบินใหม่ๆที่กำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจเปิดเส้นทางบินมาสุวรรณภูมิก็ไม่น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เพราะการทำธุรกิจ จะประเมินที่ความต้องการตลาดเป็นหลัก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวานนี้(30) โดยอ้างความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งกล่าวว่า การที่ไทยต้องเปิดใช้สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง เพื่อรับเที่ยวบินภายในประเทศนั้น ไม่ได้มีสาเหตุจากความหวาดผวาว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะไม่ปลอดภัย หากเป็นเพราะความแออัดของสุวรรณภูมิ ขณะที่ต้องเร่งซ่อมแท็กซี่เวย์
แต่บรรดาตัวแทนสายการบินบอกว่า จากการตรวจสอบเป็นที่ยืนยันได้ว่า การแตกร้าวของรันเวย์อยู่ในสภาพแค่ "ผิวๆ" และผู้โดยสารหรือเที่ยวบินซึ่งขึ้นลงที่สุวรรณภูมิ ไม่ได้มีความเสี่ยงอะไร อย่างไรก็ตาม การซ่อมแซมแท๊กซี่เวย์ กำลังเป็นตัวการทำให้เกิดความล่าช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีเครื่องบินขึ้นลงสูงสุด นั่นคือระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 02.00 น. ซึ่งท่าอากาศยานแห่งนี้มีเที่ยวบินขึ้นลง 67 เที่ยวต่อชั่วโมง โดยที่มีศักยภาพรับได้ 71 เที่ยว นายไบรอัน ซินแคลร์-ธอมป์สัน แห่งคณะกรรมการสมาคมตัวแทนสายการบิน บอกกับรอยเตอร์
"ปัญหาไม่ใช่ประเด็นเรื่องความปลอดภัย มันเป็นเรื่องความไม่สะดวกที่จะเกิดขึ้นกับสายการบินและผู้โดยสารมากกว่า" เขาชี้
สั่งตรวจสอบคำสั่งปิดซ่อมรันเวย์ 25 ม.ค.
นายสมชัย สวัสดิผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า กรณีที่มีการปิดซ่อมรันเวย์ด้านใต้ทิศตะวันตกด่วน เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเร่งด่วนประมาณ 5 ชั่วโมงเพื่อให้สภาพของรันเวย์เป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้ตรวจสอบหาสาเหตุอย่างเร่งด่วน เนื่องจากตั้งข้อสังเกตว่า การสั่งปิดซ่อมรันเวย์เร่งด่วนในวันดังกล่าวผิดปกติ เพราะโดยปกติการสั่งปิดรันเวย์เพื่อซ่อมเป็นหน้าที่ของฝ่ายปฎิบัติการ (Operation) ของทอท.อยู่แล้ว หากมีการตรวจพบว่าอยู่ในภาวะที่ไม่ปลอดภัยและสามารถดำเนินการได้ทันที
แต่กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2550 ที่ผ่านมานั้น พบว่า นักบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่แจ้งมายังศูนย์ควบคุมการบินของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย(บวท.) ว่า บริเวณหัวรันเวย์ตะวันตกไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีเศษวัสดุ แปลกปลอม ( FOD) ที่จะเป็นอันตรายต่ออากาศยานได้ ซึ่งฝ่ายควบคุมด้านความปลอดภัยของสนามบินและฝ่ายซ่อมบำรุงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ และประสานกับบวท. แจ้งไปยังสายการบินต่างๆ ว่าจะมีการปิดซ่อมรันเวย์ด่วนในเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่ง ในวันและเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมคณะอยู่ระหว่างการเข้าไปในพื้นที่สนามบินเพื่อตรวจสภาพรันเวย์และแท็กซี่เวย์ที่มีปัญหารอยร้าวพอดี
นายสมชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ในวันดังกล่าว ทอท.ยังมีกำหนดที่จะประชุมบอร์ดด้วย โดยผู้บริหารรวมถึงบอร์ด ทอท.ไม่ทราบเรื่องการปิดซ่อมมาก่อน มาทราบเรื่องในช่วงเตรียมประชุม หลังจากนักข่าวได้สอบถาม เนื่องจากมีเครื่องบินต้องเปลี่ยนไปลงที่สนามบินอู่ตะเภาแทนสุวรรณภูมิ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มอบหมายให้ นายฉัตร หาญพัฒนนันท์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายวิศวกรรม สรุปรายละเอียดทั้งหมดพร้อมกับตรวจสอบชื่อนักบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่เป็นผู้แจ้งเข้ามาที่หอบังคับการบิน เพื่อสอบถามรายละเอียดของเศษวัสดุที่เห็นว่าเป็นอย่างไร และตรวจสอบกระบวนการขั้นตอนหลังจากรับแจ้งด้วย ว่าเหตุใดถึงสั่งปิดซ่อมรวดเร็วผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า หากเห็นว่าไม่ปลอดภัย ฝ่ายปฎิบัติการ ทอท.มีอำนาจในการสั่งปิดรันเวย์ได้ทันที
ว่าที่เรืออากาศโท ภาสกร สุระพิพิธ ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย (ภายใน) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนยันว่า การปิดซ่อมรันเวย์เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมาเป็นไปตามขั้นตอน โดยฝ่ายดูแลความปลอดภัยและซ่อมบำรุงสนามบินได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่แล้วถึงสั่งปิดซ่อม
"สพรั่ง”สั่งตรวจสอบ หวั่นถูกวางยา
แหล่งข่าวจากทอท. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2550 ที่ผ่านมา ภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้น ทอท. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานบอร์ดทอท. ได้หารือนอกรอบกับผู้บริหารทอท. และให้ตรวจสอบ ว่ากรณีที่มีการสั่งปิดซ่อมรันเวย์ด่วนในวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นหรือกลั่นแกล้งกันหรือไม่ เพราะมีความผิดปกติมากและในวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.สพรั่ง พร้อมคณะได้ลงไปตรวจสอบพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้งและได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า รอยปริของรันเวย์ในบริเวณที่มีการสั่งปิดซ่อมด่วนดังกล่าว ไม่เสียหายมากถึงขนาดต้องเร่งซ่อม ดังนั้น เหตุใดถึงมีการปิดซ่อมด่วน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า กรณีดังกล่าวเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อสร้างจุดสนใจแทนประเด็นการตรวจสอบทุจริตของสัญญาต่างๆ ของสุวรรณภูมิและปัญหาของสนามบิน และมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างความเสียหายให้กับบอร์ด ทอท.ชุดนี้ เนื่องจากบอร์ดทอท.ได้เข้ามาตรวจสอบการทุจริตค่อนข้างมากและได้ส่งผลกระทบต่อบุคคลหลายกลุ่มในขณะนี้
โพสต์ ออกแถลงการณ์ไม่รับผิดกรณี ‘เป็บซี่’
กรณีการเสนอข่าวรันเวย์ร้าวเป็นฉบับแรกโดยนาย เสริมศักดิ์ กษิตประดิษฐ์ หัวหน้าข่าว หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ขณะนั้นตีพิมพ์เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2548 โดยมีชื่อพาดหัวว่า “ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐยืนยันรันเวย์ร้าว” ซึ่งต่อมาถูกฟ้องร้องจากรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วกลับลำยอมรับตัวเองเสนอข่าวผิดและลงโทษผู้รับผิดชอบข่าวนี้ ต่อมาวันนี้ ปรากฎว่า รันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิปรากฏรอยร้าวจริง จึงมีคำถามว่า บริษัทโพสต์ฯจะรับผิดชอบอย่างไร
วันเดียวกันนี้ บริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นเทียบกับปัจจุบัน และสรุปในตอนท้ายว่า ในขณะที่การเมืองของไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แน่นอนว่าจะต้องมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่เชื่อว่าท่าทีของบริษัทในช่วงนี้เป็นไปเพราะถูกการเมืองกดดัน แต่ความจริงก็คือท่าทีของบริษัทดำเนินไปตามสิ่งที่คณะกรรมการพบ และว่าบุคคลที่รับผิดชอบไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสม
ขณะเดียวกันโชคร้ายที่ในปัจจุบัน แม้สนามบินสุวรรณภูมิจะเกิดรอยร้าวเป็นจำนวนมากขึ้นจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารายงานข่าวของทางหนังสือพิมพ์เมื่อปี 2548 เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้เราถอนตัวจากสิ่งที่ได้กระทำไปแล้ว ทั้งในเรื่องของข้อสรุปของคณะกรรมการสืบสวน และท่าทีของบริษัทในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
"นพดล"แกว่งปากอย่าใช้สุวรรณภูมิเล่นงาน"แม้ว"
ด้าน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงปัญหารอยร้าวในรันเวย์ และแท็กซี่เวย์ ของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่หลายฝ่ายระบุโครงการนี้มีการทุจริตและรัฐบาลชุดที่แล้ว ต้องรับผิดชอบว่า เป็นความพยายามโยงและทำลายความน่าเชื่อถือของ พ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งตนได้รับคำสั่งจากพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า แม้จะมีข้อบกพร่องบ้าง เช่นรันเวย์และแท็กซี่เวย์ร้าว ก็คล้ายกับการสร้างบ้านแล้วท่อประปารั่ว ก็ต้องซ่อมแซม ผู้รับผิดชอบในส่วนใดก็ต้องรับผิดชอบในส่วนนั้นๆ การระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องรับผิดชอบทั้งหมดนั้น คิดว่าเกินไปสักหน่อย เพราะท่านมีหน้าที่เพียงกำกับนโยบาย ถ้าหากจะมีการสอบสวนก็ควรจะไล่ตั้งแต่ต้น เช่น การถมทรายว่าตรงตามคุณสมบัติหรือไม่ และควรให้หน่วยงานที่น่าเชื่อถือเช่น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย หรือ หน่วยงานต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบ ไม่ควรใช้สนามบินแห่งนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองมาทำลายล้างพ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลชุดที่แล้ว
การสร้างบ้านนั้น เป็นเรื่องยาก แต่การซ่อมแซมนั้นไม่น่าจะยาก หากบ้านหลังนั้นรั่ว จะเลือกทุบทิ้ง หรือจะซ่อมแซม ก็คิดเอา เรื่องนี้นั้นใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเป็นห่วงว่า เรื่องนี้จะทำลายภาพลักษณ์ประเทศ สำหรับการเร่งรัดการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิของรัฐบาลชุดที่แล้วนั้น ได้เร่งโดยคำนึงถึงกรอบที่วิศวกร ระบุว่า สามารถทำได้ ไม่ได้เร่งทำเกินจริง ตนไม่เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะเร่งรัดโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่เหมาะสมเป็นอย่างไร เพราะการเร่งรัดงานนั้นไม่ได้หมายความว่าไม่ได้คำนึงถึงหลักวิศวกรรม
|
|
|
|
|