ปริญญา เป็นทายาทรุ่นที่สอง วัย 37 ปีที่เข้ามารับสืบทอดกิจการโรงงานผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์
ต่อจากผู้เป็นพ่อที่เริ่มต้นธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2529
หลังเรียนจบคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับมาทำงานที่บ้าน
1 ปี บินไปเรียนต่อที่ MBA in International Business St.Louis University,
Missouri, USA
ปริญญาเรียนจบ กลับมาสานต่อกิจการผลิตโรงงานผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ เวลานั้นยังไม่ได้ขยายกิจการ
ออกไปมากมาย มีรายได้ปีละ 80 ล้านบาท
ช่วงเวลาของการเข้ามารับสืบทอดกิจการ นับว่าเป็นช่วงข้อต่อที่สำคัญ เนื่องจากยูนิลีเวอร์ซึ่งเป็นลูกค้าหลักที่สำคัญ
กำลังนำเอาระบบ supply chain management มาใช้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของอุตสาหกรรมในไทย
ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบการค้าในระดับสากล
ประสบการณ์ที่ถือเป็นการเรียนรู้สำคัญคือ การร่วมทำโครงการ supply chain
management ร่วมกับ ยูนิลีเวอร์ และการเข้าไปร่วมเป็นกรรมการสมาคม ECR Thailand
ทำให้เขาได้เรียนรู้ภาพ 2 มิติ ทั้งในด้านกว้าง และการเป็นมืออาชีพ
ผลจากการผลักดันการทำงานร่วมในโครงการอบรมตามหลักสูตรที่ยูนิลีเวอร์วางไว้
ทำให้ปริญญาเรียนรู้สไตล์ การทำงานแบบมืออาชีพในบริษัทข้ามชาติ ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงนำเอาระบบ
supply chain management มาใช้ในธุรกิจ
ขณะที่การเป็นสมาชิกใน ECR Thailand คือ การเข้าไปมีส่วนร่วม และรับรู้ทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรม
และนำมาใช้กำหนดกลยุทธ์องค์กร
"ผมเป็นคนริเริ่มไปคุยกับประธานของยูนิลีเวอร์ 2 คนก่อนหน้านี้ เพราะเห็นว่าโครงสร้างของ
ECR Thailand คนไทยเข้าร่วมน้อยมาก เราอยากไปทำงาน และนำความรู้ที่ได้รับมาเผยแพร่"
ประสบการณ์เหล่านี้เองเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เริ่มต้นโครงการ supply chain
management ร่วมกับยูนิลีเวอร์ และการปรับเปลี่ยนองค์กรให้เข้ากับระบบสากลที่ยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง
ในยุคของปริญญาได้ขยายกิจการแตกแขนงธุรกิจ เพิ่มเติมด้วยการตั้งโรงพิมพ์หนังสือ
65 ภาษา ขายให้ลูกค้า 35 รายทั่วโลก และโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภท flexible
มีโรงงาน 3 แห่งในไทย และในเวียดนาม และวางแผนจะตั้งที่อินโดนีเซียอีกแห่ง
ในปี 2544 มีรายได้ 800 ล้านบาท และคาดว่าปี 2546 จะมีรายได้ 1,750 ล้านบาท