Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2546








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2546
กนก วงษ์ตระหง่าน Challenge to Family Mart             
 


   
search resources

สยามแฟมมิลี่มาร์ท, บจก.
กนก วงษ์ตระหง่าน




"ผมเป็นมืออาชีพ อิสระ และเป็นไท ผมไม่ได้มาทำงานในนามของ CRC หรือห้างโรบินสัน" ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของบริษัท Siam Family Mart กล่าวทิ้งท้ายก่อนเข้ารับตำแหน่งเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ศกนี้

ความจริง การถือหุ้นของห้างสรรพสินค้าโรบินสันในบริษัท Siam Family Mart ประมาณ 13.33% ถือเป็นธุรกิจที่กลุ่มเซ็นทรัล รีเทลคอร์ปอเรชั่น (CRC) ของตระกูลจิราธิวัฒน์มีผลประโยชน์ร่วม อยู่ นอกเหนือจากผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างบริษัทแม่ Family Mart ที่ญี่ปุ่นถือ 43% ตามด้วยบริษัท SFM Holding ถือ 21% บริษัทสหพัฒนพิบูล และ ICC International ถือ 8.33% และบริษัท Itochu Corp. ของญี่ปุ่นซึ่งติดตั้งระบบพลังงานให้ร้าน Family Mart ถือหุ้น 6%

เป็นที่ทราบกันดีว่า 5 ปีที่ผ่านมา ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ได้ทำงานให้กับห้างโรบินสันยุคเข้าแผนฟื้นฟูในตำแหน่ง CEO และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลงานที่เข้าตากรรมการก็คือ เป็นมือผ่าตัดปรับโครงสร้างหนี้และภาพพจน์ทางการตลาดที่ดีขึ้นจนสามารถทำให้หุ้น Robinson เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อีกครั้งหนึ่ง

การข้ามฟากจาก CEO ห้างโรบินสันมาสู่ CEO ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Family Mart ของ ดร.กนก ถือเป็นความท้าทาย ในสายธุรกิจค้าปลีกอีกรูปแบบที่ต่างจากห้างสรรพสินค้า ท่าม กลางกระแสข่าวว่า เจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อน้ำเมาจะเข้ามามีบทบาทในฐานะหุ้นส่วนธุรกิจคนใหม่ของ Family Mart ที่จะเข้ามาอัดฉีดเงินทุนใหม่เพื่ออนาคต Family Mart ที่ยังมีศักยภาพ เติบโตในตลาดโดยรวมกว่า 2,500 ร้านในปัจจุบัน

เพราะเท่าที่ผ่านมา 10 ปี นับจากบริษัทแม่จากญี่ปุ่นเข้ามาก่อตั้งธุรกิจในไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2535 ปรากฏว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Family Mart มีสาขาอยู่เพียง 246 แห่ง เพิ่มจาก ปีก่อนที่มีเพียง 165 สาขาเท่านั้น ทำยอดขายได้ปีที่แล้วประมาณ 2,500 ล้านบาทเพิ่มจากปีก่อนที่ขายได้เพียง 1,660 ล้านบาท

ในสายตานักลงทุนชาวญี่ปุ่นย่อมมองเห็นว่าผลดำเนินงาน Family Mart ในประเทศไทยไม่ดีนัก เมื่อเทียบกับบริษัทในไต้หวัน ที่ใช้เวลา 14 ปี มีสาขามากถึง 1,303 ร้านและได้จดทะเบียนบริษัท ในตลาดหุ้นไต้หวันด้วย ขณะที่เกาหลีมีถึง 1,430 ร้าน ส่วนที่ญี่ปุ่น มีร้าน Family Mart มากถึง 5,956 ร้าน

อย่างไรก็ตาม แม้ในวันแถลงข่าวรับตำแหน่งของ ดร.กนก จะมีคำถามเชิงรุกจากนักข่าวถึงความเป็นไปได้หรือไม่ที่บริษัทแม่ Family Mart จะขายหุ้นทิ้งให้หุ้นส่วนธุรกิจคนใหม่ อย่างเช่น เจริญ สิริวัฒนภักดี คำตอบที่ มร. Kitahara และ ดร.กนก ยืนยัน คือ ยังไม่มีความคิด

"การเลือกคนไทยอย่างผมเข้ามา เท่ากับตอกย้ำนโยบายการขยายธุรกิจในไทยต่อไปของบริษัทแม่ Famiily Mart เพราะคนไทยจะเข้าใจธุรกิจได้ดีที่สุด" ดร.กนกย้ำอย่างมั่นใจ

โดยหลักการ ดร.กนกบอกว่าเขาจะทำมีอยู่ 3 อย่าง สิ่งแรก คือศึกษาวิจัยความต้องการของลูกค้า เพื่อจัดสินค้า ราคา บริการ รูปแบบร้าน และกิจกรรมการตลาดให้ตรงจุด สอง-สร้างสีสัน และรูปแบบร้าน Family Mart ให้เร้าใจและมีพลังดึงดูด (Attractive&Powerful) ลูกค้า และสามต้องบริหารเป็น Chainstore ที่มีระบบรองรับ เช่น ระบบ IT ระบบสินค้าคงคลัง ระบบ P.O.S และระบบสั่งซื้อถูกต้องรวดเร็วจากสำนักงานใหญ่ไปยังสาขา

แต่ยุทธศาสตร์การตลาดยุคดร.กนกล้วนแล้วแต่ต้องการเงินทุนก้อนใหญ่ในการรุกตลาด เพิ่ม outlet ให้มากขึ้นในปีนี้ ท่ามกลางคู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดตลาดร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-eleven และ Discount store ต่างชาติเช่น Tesco Lotus ที่ยึดหัวหาดทำเลทองไว้หมด แม้ว่าที่ผ่านมา Family Mart ได้ใช้กลยุทธ์สู้กับ 7-eleven โดยการผ่อนปรนเงื่อนไขการรับแฟรนไชส์ ซึ่งแต่ละ Outlet จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนขั้นต้นประมาณ 2 ล้าน บาทสำหรับค่าอุปกรณ์และตกแต่งร้าน นอกจากนี้ Family Mart ยังเสนอบริการขายสินค้าทาง eCommerce ด้วย

วันนี้ภารกิจท้าทายของ CEO คนไทยคนแรกของ Family Mart ก็คือหาพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็งทุกรูปแบบ และเตรียม เผชิญกับแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนทางธุรกิจคนใหม่ ภายหลังกระบวนการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 150 ล้านบาทเสร็จสิ้นลง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us