|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กุมภาพันธ์ 2550
|
|
เสียงตะเบ็ง "ปีศาจ...ออกไป!" ในเทศกาล Setsubun เป็นสัญลักษณ์การขับไล่ปีศาจอันเป็นตัวแทนความชั่วร้ายหรือโชคร้าย และตามมาด้วยเสียงตะโกน "โชคดีจงเข้ามา" ที่ดังขึ้นในต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีนั้นเปรียบประหนึ่งสัญญาณของ season change นัยให้ทราบถึงความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาเยือนอีกครั้ง
ถึงแม้ในสมัยโบราณคนญี่ปุ่นจะนับเดือนวันด้วยปฏิทินทางจันทรคติแต่การนับฤดูกาลนั้นใช้การสังเกตตำแหน่งปรากฏของดวงอาทิตย์ในรอบปี ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 24 solar terms ตามเส้นทางการโคจรและระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ซึ่งจะส่งผลให้ความสั้นยาวของช่วงกลางคืน-กลางวัน มีความต่างกันในแต่ละฤดู
คำว่า Setsubun ประกอบด้วย 2 คำคือ Setsu มีรากศัพท์มาจาก kisetsu แปลว่าฤดูกาล กับคำว่า Bun มีรากศัพท์มาจากคำกริยา wakeru ซึ่งแปลว่าแบ่ง, แยก ดังนั้นเมื่อสองคำนี้มารวมกัน Setsubun หมายถึงการแบ่งฤดูกาลออกเป็น 4 ฤดู อันได้แก่ฤดูใบไม้ผลิ (Risshun), ฤดูร้อน (Rikka), ฤดู ใบไม้ร่วง (Risshu) และฤดูหนาว (Ritto)
โดยทางปฏิบัติแล้ว Setsubun ในอดีตจะจัดงานกันในวันก่อนเริ่มเข้าฤดูกาลใหม่ครบทั้ง 4 ฤดู แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การให้ความสำคัญกับประเพณีการฉลองฤดูอื่นลดน้อยลงจนในปัจจุบันเมื่อกล่าวถึง Setsubun จะหมายถึงประเพณีฉลองในวันก่อนเข้าฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น
ซึ่งนั่นหมายความว่าหลังวัน Setsubun ผ่านไปแล้วความหนาวเหน็บจะค่อยๆ ลดลงในขณะที่ดอกไม้ใบหญ้าจะเริ่มผลิดอกออกใบตามมา แต่ปัจจุบันดินฟ้าอากาศไม่แน่ไม่นอนหาเป็นเช่นแต่ก่อนนั้นไม่ ฤดูกาลผิดแผกแปลกไปจากที่ควรเป็นด้วยผลกระทบจากน้ำมือของมนุษย์ที่สูบ-กักตุน-ใช้น้ำมันอย่างบ้าคลั่ง
จากข้อเท็จจริงของการอ้างอิงโดยใช้อาทิตย์ทำให้ Setsubun ในแต่ละปีมักจะตรงกับวันที่ 3 หรือในบางปีอาจเลื่อนไปเป็นวันที่ 4 ของเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมีความแตกต่างกับเทศกาลตรุษจีนซึ่งกำหนดวันด้วยปฏิทินแบบจันทรคติ นอกจากนี้ธรรมเนียมปฏิบัติก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
โดยทั่วไปพิธีการของ Setsubun อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นแต่โดยรวมแล้วในวัน Setsubun หัวหน้าครอบครัวหรือผู้ชายที่เกิดในปีนักษัตรนั้น เช่นปี 2007 ปีหมูซึ่งเรียกบุคคลนั้นว่า Toshi Otoko มักจะกลายเป็นบุคคลที่ถูกสมมุติให้สวมบทเป็นปีศาจโดยใส่หน้ากากยักษ์ Oni แล้วให้สมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งมักจะขว้างปาถั่วเหลืองคั่วใส่พร้อมกับตะโกน "ปีศาจจงออกไป โชคดีจงเข้ามา" อย่างสนุกสนาน และถือเป็นการปัดความโชคร้ายให้ออกไปและเชิญความโชคดีให้เข้ามาสู่สมาชิกทุกคนในบ้าน
เมื่อพูดถึง Oni ก็มักจะหมายถึงยักษ์ หรือปีศาจ หรือวิญญาณชั่วร้ายที่มองไม่เห็นที่นำพามาซึ่งโชคร้ายและสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยทั่วไป Oni ในจินตนาการของชาวญี่ปุ่นมักจะมีเขาแหลมๆ 2 ข้างบนศีรษะ ใบหน้าและผิวหนังมีสีแดงหรือไม่ก็สีน้ำเงิน
ตำนานที่กล่าวถึงยักษ์ Oni กับอำนาจวิเศษของถั่วในวัน Setsubun นั้นมีอยู่หลายตำนานแต่ที่ถูกหยิบยกมาเล่าอยู่บ่อยๆ คือเรื่องราวที่กล่าวไว้ที่วัด Mibu ในเกียวโต ซึ่งสรุปโดยย่อได้ว่า มียักษ์ตนหนึ่งใช้กำไลวิเศษแปลงกลายเป็นมนุษย์ผู้สวมใส่ชุดกิโมโนที่งดงามมากเข้ามาในบ้านของหญิงม่ายคนหนึ่ง ด้วยความอยากได้ชุดกิโมโนนั้นหญิงม่ายจึงออกอุบายต้อนรับยักษ์ด้วยข้าวปลาอาหารและสุรา เพื่อหวังจะขโมยชุดกิโมโนในขณะที่ยักษ์กำลังเมา แต่ความโลภของหญิงม่ายไม่ได้อยู่เพียงเท่านั้น หญิงม่ายยังได้ขโมยกำไลวิเศษติดมือมาด้วยจึงทำให้ยักษ์คืนร่างเดิมและตื่นขึ้นมาพร้อมกับความโกรธ หญิงม่ายตกใจกลัวจึงคว้าถั่วเหลืองที่อยู่ใกล้มือปาใส่ยักษ์จนยักษ์ได้รับบาดเจ็บและหนีออกจากบ้านของหญิงม่ายไป ด้วยเหตุนี้จึงมีความเชื่อว่า ถั่วเหลืองมีอำนาจวิเศษสามารถใช้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้
ในพิธีของ Setsubun หลังจากที่ปีศาจถูกขับไล่ออกไปแล้วสมาชิกในครอบครัวจะเก็บถั่วคั่วที่ตกอยู่ในบริเวณบ้านจำนวนมากกว่าอายุของตนอยู่ 1 เม็ด มากระเทาะเปลือกออกแล้วรับประทาน ตามความเชื่อที่ว่าถั่วที่ใช้ในพิธีมีความศักดิ์สิทธิ์นำพาสิริมงคลและความโชคดีมาให้ตลอดปีที่จะมาถึง
นอกจากการปาถั่วในบ้านแล้วยังมีการนำถั่วที่เหลือไปโปรยขับไล่วิญญาณร้ายที่มองไม่เห็นซึ่งอาจสิงสถิตอยู่รอบๆ บริเวณ บ้าน โรงเรียน หรือที่ทำงานด้วย
พิธี Setsubun ยังนิยมจัดขึ้นตามวัดหรือศาลเจ้าชินโตใหญ่ๆ โดยพระจะโปรยถั่วเหลืองคั่ว (Fukumame) และข้าวปั้นโมจิ (Fukumochi) ห่อด้วยกระดาษเงินกระดาษทองที่ผ่านการทำพิธีสวดมนต์มาแล้ว ท่ามกลางประชาชนที่เบียดเสียดกันมารับและนำไปรับประทานเพื่อความโชคดี ในบางวัดอย่างเช่นที่วัดนาริตะมักจะมีซูโม่ชื่อดังมาร่วมพิธีโปรยถั่วด้วยทุกปี
ในขณะเดียวกันชาวบ้านทั่วไปยังนิยมนำกิ่งใบของต้น Holly ที่ตกแต่งด้วยหัวปลาซาร์ดีนเผามาประดับทางเข้าบ้านโดยมีความเชื่อว่ากลิ่นของปลาซาร์ดีนจะช่วยปกป้องไม่ให้วิญญาณและสิ่งชั่วร้ายเข้ามาในบ้าน
บางแห่งในประเทศญี่ปุ่น เช่นแถบโอซากาหรือนาโงยามักจะนิยมรับประทาน Makizushi แบบแท่งยาวประมาณ 20 ซม. ด้วยความเชื่อเช่นเดียวกับการรับประทานถั่วเหลืองคั่ว Fukumame ที่ใช้ปาขับไล่ยักษ์
การรับประทาน Makizushi โดยปกติจะหั่นเป็นชิ้นให้พอดีคำแต่ Makizush ในวัน Setsubun มีวิธีที่ต่างออกไป กล่าวคือจะต้องรับประทานทั้งแท่งรวดเดียวจนหมดโดยไม่มีการตัดแบ่งและห้ามการสนทนาใดๆ ระหว่างรับประทาน
ถึงแม้ว่าในบางครั้งเรื่องราวทางวัฒนธรรมเก่าแก่ที่สืบทอดมาถึงปัจจุบันอาจดูเหมือนเรื่องตลกขบขันสำหรับคนยุคใหม่ แต่แนวคิดและวิถีปฏิบัติตามธรรมเนียมญี่ปุ่นเก่าๆ อย่าง Setsubun ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
|
|
|
|
|