|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กุมภาพันธ์ 2550
|
|
ท่ามกลางความสับสนและการแข่งขันของโลกสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แทนที่จะมัวแต่สับเท้าวิ่งเร็วขึ้น เพื่อให้ตามทันการเปลี่ยนแปลง บางครั้ง การกลับคืนสู่ธรรมชาติและความเรียบง่าย เช่นที่ "ฟาร์มโชคชัย" อาจจะทำให้คนเราได้ค้นพบอะไรที่มากกว่า และได้เรียนรู้สัจธรรมที่ว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"
เสียงเพลง Country Road เวอร์ชั่นของ John Denver ดังมาจากเครื่องเล่น MP3 เข้ากับบรรยากาศฟาร์มที่มองเห็นทุ่งหญ้าอยู่เบื้องหน้าและภูเขาเขียวทอดตัวเป็นเบื้องหลัง
ขณะรอรถฟาร์มแทรกเตอร์พานักท่องเที่ยวกลุ่มแค้มปิ้งไปเข้าโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรหรือ Agro Tour สองตาก็สะดุดกับภาพโคบาลแม่ลูกอ่อนนาม "สู่ขวัญ บูลกุล" ที่กำลังขับรถ ATV พาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายใหญ่แห่งฟาร์มโชคชัย สูดอากาศบริสุทธิ์รอบฟาร์ม ...เห็นชัดว่ามีความสุขทั้งแม่และลูก
ทันทีที่รถเริ่มเคลื่อนตัว โคบาลสาวเข้าประจำตำแหน่งไกด์ ให้ข้อมูลเบื้องต้นความเป็นมาของธุรกิจแค้มปิ้งของฟาร์มโชคชัย
"ฟาร์มโชคชัยบูติคแค้มป์ เปิดให้บริการด้วยแนวคิดของคุณโชค บูลกุล ที่อยากนำเสนอความแปลกใหม่ให้กับธุรกิจที่พักสัมมนา เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับองค์กรหรือคนที่อยากหนีจากความจำเจและวุ่นวายของเมืองท่องเที่ยว และอยากกลับคืนสู่ธรรมชาติ..."
หลังจากเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสธุรกิจฟาร์มตั้งแต่ปี 2543 โชคจึงเริ่มเปิดธุรกิจที่พักภายใต้ชื่อโครงการ "ฟาร์มโชคชัย บูติค แค้มปิ้ง และสัมมนา" เมื่อกลางปี 2548 โดยหวังจะดึงดูดกลุ่มองค์กรที่ต้องการสัมมนาและหาสถานที่แปลกใหม่ ซึ่งตั้งเป้าลูกค้ากลุ่มนี้ไว้สูงถึง 80%
รถจอดด้านหน้าฟาร์มโชคชัย เพื่อส่งต่อลูกทัวร์กลุ่มเล็กเข้าร่วมขบวนกับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่กำลังรอเที่ยวในโปรแกรม Agro Tour
ทุกวันนี้ ฟาร์มโชคชัยเปิด Agro Tour มากถึง 18 รอบในวันหยุด และ 2 รอบในวันอังคาร-ศุกร์ เกือบทุกรอบนักท่องเที่ยวจะเต็มจำนวน 80 คน สนนราคาค่าตั๋วจะอยู่ที่ 250 บาท สำหรับผู้ใหญ่ และ 125 บาท สำหรับเด็ก ซึ่งในวันธรรมดาราคาจะลดลงเล็กน้อย
แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้าโปรแกรม Agro Tour นี้ไม่ต่ำกว่า 250,000 คน
จุดเด่นที่ทำให้ Agro Tour ของที่นี่ขายดี ก็เพราะที่นี่ขายประสบการณ์และบรรยากาศของธุรกิจฟาร์มแบบครบวงจร โดยทุกกิจกรรมมาจากความรู้เชิงเกษตรที่เป็นของจริง และยังไม่มีคู่แข่งที่ทำได้ดีเท่า
"ของจริงเท่านั้นที่จะทำให้คนเกิดความรู้สึกร่วมได้" โชคสรุป
มองกลับกัน ธุรกิจการท่องเที่ยวแทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เพราะเกือบทุกกิจกรรมเป็นธรรมชาติของการดำเนินธุรกิจฟาร์มโคนมอยู่แล้ว
เหมือนกับที่โชคเคยพูดไว้ว่า "ความเป็นธรรมชาติเป็นจุดขายที่เราแทบไม่ต้องลงทุนอะไรมาก"
โปรแกรมท่องเที่ยวเริ่มต้นด้วยวิดีทัศน์ประวัติฟาร์มโชคชัย ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนขนลุกซู่ได้ ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ของฟาร์มแห่งนี้ แต่เพราะความมุ่งมั่นอุตสาหะของโชคชัยและโชค บูลกุล
ฟาร์มโชคชัยมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 2 หมื่นไร่ แต่เฉพาะหน่วยงานที่ตรงมวกเหล็กนี้มีอยู่ราว 4 พันไร่ กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
จนไม่อยากเชื่อว่า ฟาร์มแห่งนี้จะเป็นแห่งเดียวกับที่โชคชัย บูลกุล พ่อของโชค เริ่มบุกเบิกบนที่ดินเพียง 250 ไร่ เมื่อ 50 ปีก่อน และไม่น่าเชื่อว่า ที่นี่คือบริษัท ฟาร์มโชคชัยที่เคยล้มลุกคลุกคลานเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
ปี 2537 บริษัท ฟาร์มโชคชัย มีหนี้เกือบ 500 ล้านบาท จึงต้องตัดขายธุรกิจนมสดตราฟาร์มโชคชัย ซึ่งตอนนั้นถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดของบริษัทเพื่อชำระหนี้
สินทรัพย์ที่เหลือก็ไม่มีอะไรค่า นอกจากฟาร์มโคนม โชคจึงเริ่มหันกลับมาพัฒนาฟาร์มโคนมซึ่งเป็นธุรกิจหลักให้แข็งแกร่ง จนวันนี้ ธุรกิจนี้กลายเป็นแกนกลางในการพัฒนาความรู้และประสบการณ์ต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นๆ
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ฟาร์มโชคชัย มีธุรกิจถึง 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจการเกษตรและปศุสัตว์ ธุรกิจสถานที่ท่องเที่ยว ธุรกิจภัตตาคาร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และล่าสุด ธุรกิจผลิตภัณฑ์นม
จากหนี้หลายร้อยล้าน ...วันนี้ บริษัทปลอดหนี้โดยสิ้นเชิง และยังมีรายได้ถึงหลักร้อยล้านทุกปี
รถฟาร์มแทรกเตอร์พ่วง 3 ตอน บรรทุกนักท่องเที่ยวเต็มคันวิ่งมุ่งหน้าเข้าสู่แปลงฟาร์มที่มีคอกวัวที่เรียงรายสุดสายตา เป็นสัญญาณว่าการตามรอยเส้นทางของนมเปิดฉากขึ้นแล้ว
ฟาร์มโชคชัยถือเป็นฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุด และมีการจัดการดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ มีวัวทั้งหมดราว 5 พันตัว เป็นแม่โครีดนมร่วม 2 พันตัว ที่เหลือเป็นลูกโคและโคสาว
ที่นี่ยังเป็นฟาร์มแห่งแรกของประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผลิตแม่โคส่งออกต่างประเทศ
"แม่โค 1 ตัว ให้น้ำนมประมาณวันละ 18 กก. ทุกวันนี้ เราผลิตน้ำนมดิบได้วันละ 30 ตัน 20% ใช้ในการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต ไอศกรีม และท็อฟฟี่นม ภายใต้ชื่อ "อืมม์!..มิลค์" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของเราเอง ส่วนที่เหลือก็ขายให้ผู้ผลิตรายอื่น" โคบาลสาวให้ข้อมูล
โชคตั้งเป้าว่า ภายใน 6 ปี "อืมม์!..มิลค์" จะใช้นมทั้งหมดที่ฟาร์มผลิตได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำนมดิบ และนั่นก็หมายความว่า บริษัทฯ จะต้องรุกธุรกิจผลิตภัณฑ์นมอย่างจริงจัง โดยเมื่อต้นปี บริษัทฯ ก็เพิ่งเปิดร้าน Umm!..Milk Dairy Shop ตามห้างสรรพสินค้าและซูปเปอร์มาร์เก็ตระดับไฮเอ็นด์
หลังจากรู้จักแหล่งกำเนิดนม รถคันเดิมก็พามาหยุดที่โรงรีดนม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมการสาธิตและทดลองรีดนมวัวด้วยเครื่องและด้วยมือ จากนั้นนมที่รีดได้ก็จะถูกส่งผ่านท่อเข้าไปยังโรงงานเล็กๆ ใกล้ๆ กัน
"เมื่อก่อนเรามีโรงงานขนาดใหญ่ ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ตราฟาร์มโชคชัย แต่ปัจจุบันนี้ นมแบรนด์นี้ไม่ใช่ของที่ฟาร์มแล้ว โรงงานแห่งนี้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ พร้อมกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร" ไกด์สาวเล่า
เสร็จกิจกรรมแกะรอยเส้นทางสายนม รถฟาร์มแทรกเตอร์แวะมาหยุดที่โรงคาวบอย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ "อิน" กับวิถีชีวิตคนเลี้ยงวัว ผ่านการแสดงความสามารถของคาวบอย ที่ไม่ได้มีแค่เนื้อหาการแสดงของชายที่แต่งกายด้วยกางเกงยีนส์ สวมหมวก และใส่รองเท้าบู๊ต
แต่ยังประกอบด้วยสาระอันเป็นเบื้องหลังการแสดงที่ตอบคำถามว่า ทำไมคาวบอยจะต้องควบคุมม้าได้ดี จะต้องใช้บ่วงบาศเก่ง หรือจะต้องสะบัดเชือกเสียงดัง ฯลฯ เพราะนี่คือวิถีชีวิตจริงๆ ของคาวบอยไทยยุคแรก ที่มีชื่อ "โชคชัย บูลกุล" รวมอยู่ด้วย
โปรแกรม Agro Tour สิ้นสุดลงที่สวนสัตว์ขนาดย่อม ขณะที่กลุ่มแค้มปิ้งจะได้ไปทำ Work Shop อืมม์!..มิลค์ เพื่อทดลองผลิตไอศกรีมรสชาติส่วนตัว ซึ่งจะกลายเป็นฐานข้อมูลจากลูกค้าตัวจริงของฟาร์ม เพื่อการพัฒนาปรับปรุงไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ
เวลาร่วม 3 ชั่วโมงตลอดทริปชมฟาร์มโชคชัย สิ่งที่ได้จากการทัวร์ไม่ใช่แค่เพียงการสัมผัสธรรมชาติของฟาร์ม หรือประสบการณ์ของธุรกิจฟาร์มโคนม แต่นักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสถึงผลึกความคิดของโชคในทุกหน้าประวัติศาสตร์ของฟาร์มแห่งนี้
"ทั้งหมดเพื่อจะบอกว่า สิ่งที่เราทำ เราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการทำธุรกิจฟาร์มโคนมซึ่งเป็นธุรกิจหลักให้อยู่รอด เมื่ออยู่รอดแล้วเราก็เห็นแนวทางต่อยอดธุรกิจ การต่อยอดก็มาจากความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่เอามาเปลี่ยนเป็นธุรกิจใหม่" โชคย้ำเช่นนี้บนทุกเวทีที่เขาเป็นวิทยากร
แนวคิดเรียบง่ายที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จนี้ดูจะสอดคล้องกับวลี "สูงสุดคืนกลับสู่สามัญ" ที่โชคเคยบอกเป็นนัยว่า "มาสัมผัสได้ที่ฟาร์มโชคชัย"
"บางครั้ง การกลับสู่ธรรมชาติก็ทำให้เรามีสมาธิที่จะหยุด "คิด" กับชีวิต และค้นพบมุมมองใหม่ที่สร้างสรรค์กลับไปต่อยอดธุรกิจของเราได้ ผมเชื่อว่า สมาธิ ปัญญา และความสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นเมื่อคนเราได้กลับมาใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ" โชคมักจะยกตัวอย่างประสบการณ์ตรงของตัวเองทุกครั้งที่พูดถึงแค้มป์
ฟาร์มโชคชัยบูติคแค้มป์ประกอบด้วยเต็นท์ขนาดใหญ่ 50 หลัง กลางสวนป่าขนาด 200 ไร่ ซึ่งเป็นป่าที่ปลูกด้วยน้ำแรงของพนักงานที่นี่ ตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน จากวิสัยทัศน์แค่อยากเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับฟาร์ม และเพิ่มจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติแก่พนักงาน
จากนั้นสายตากว้างไกลของโชค ก็ทำให้เขามองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากหมู่ต้นไม้ที่เติบโตหนาแน่นแปลงนี้ ว่าผืนป่าแห่งนี้จะกลายเป็นป่าผืนใหญ่ที่อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด แค่เพียง 159 กม.
แม้คอนเซ็ปต์การพักบูติคแค้มป์ของฟาร์มโชคชัยก็คือ "…คืนสู่สามัญ" แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ขาดแคลนความสะดวกสบายเหมือนแค้มป์ทั่วไป เพราะภายในเต็นท์มีทั้งเครื่องปรับอากาศ ตู้เสื้อผ้า มุมนั่งเล่น อุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าขนหนู กระติกน้ำแทนตู้เย็น และกระทั่ง wi-fi ทุกจุดในบริเวณที่พัก
ขาดก็แต่โทรทัศน์ ...อุปกรณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนกรุงเทพฯ
สำหรับกลุ่มสัมมนา นอกจากห้องสัมมนาที่ครบครันด้วยอุปกรณ์นำเสนอที่จำเป็นต่างๆ ที่นี่ยังได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมที่จะช่วยให้พนักงานได้ช่วยเหลือและเรียนรู้ซึ่งกัน เช่น แรลลี่ ขับรถ ATV ชมวิวยามค่ำคืน หรือกิจกรรมดูดาวที่จะเพิ่มเข้ามาเร็วๆ นี้
ยามค่ำคืนกลางสวนป่าแห่งฟาร์มโชคชัย กลายโอกาสดีที่ทำให้หลายคนได้เข้านอนแต่หัวค่ำ หลับตาฟังเสียงลมพัดใบไม้ไหวและจิ้งหรีดเรไรท่ามกลางความเงียบสงบ
...และการกลับสู่ธรรมชาติเช่นนี้ ก็อาจทำให้เช้าวันใหม่ของบางคนสดชื่นแจ่มใสและมีพลัง อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานานมากแล้วก็ได้
|
|
|
|
|