|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กุมภาพันธ์ 2550
|
|
ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของนิ่มซี่เส็ง ยังคงยืนอยู่บน 2 ขาหลัก คือธุรกิจขนส่ง และธุรกิจลิสซิ่ง
โดยทั้ง 2 ขา อุทัต สุวิทย์ศักดานนท์ พี่ชายคนโตของรุ่นที่ 1 ยังดูแลเต็มตัว โดยมีน้องๆ และลูกคอยช่วย
น้องของอุทัตที่มีบทบาท คืออุทานน้องคนรอง ดูแลเครือข่ายของธุรกิจขนส่งในกรุงเทพฯ โดยมีปิยะนุช สัมฤทธิ์ ลูกสาวของอุทานเป็นกำลังหลัก
ส่วนน้องคนที่ 3 คืออุดม ยังคงเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง (1988) แต่บทบาทของอุดมขณะนี้คือ การเป็นพี่เลี้ยงให้กับรุ่นลูกของอุทัต และอาศัยสายสัมพันธ์ที่มีอยู่ในวงกว้าง ตลอดจนประสบการณ์มาช่วยในการให้คำปรึกษาเพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจ
ในธุรกิจขนส่ง มีชวลิตลูกชายคนโตของอุทัตเป็นผู้จัดการทั่วไป รับผิดชอบด้านการปฏิบัติงานด้านการขนส่งอย่างเต็มตัว
ชวลิตจบปริญญาตรีด้านการบริหารงานบุคคลจากมหาวิทยาลัยพายัพ หลังจากนั้นได้ไปเรียนปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (MBA) จาก National University, San Diego, California สหรัฐอเมริกา เริ่มกลับมาช่วยงานในนิ่มซี่เส็งขนส่งเมื่อปลายปี 2536
เมื่ออยู่เมืองไทย เขายังได้จบปริญญาโทอีกใบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกำลังมีแผนที่จะเรียนปริญญาเอก
ที่นี่ยังมีอังคนา ลูกสาวคนเล็กของอุทัต คอยช่วยงานพี่ชาย ในฐานะผู้จัดการฝ่ายบุคคล และฝ่ายบัญชี ของนิ่มซี่เส็งขนส่ง
ส่วนธุรกิจลิสซิ่ง มีปราณี ลูกสาวคนโตของอุทัต พี่สาวของชวลิต และชัยวัฒน์ ลูกชายคนที่ 2 เป็นกำลังหลัก
ปราณี ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ 1 โดยมีชัยวัฒน์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ 2
ปราณีจบปริญญาตรี เกียรตินิยมด้านบัญชีจากมหาวิทยาลัยพายัพ และ MBA ด้าน Marketing จาก National University, San Diego, California สหรัฐอเมริกา
หลังจบ MBA ได้กลับมาเมืองไทย ช่วยงานอยู่ในนิ่มซี่เส็งลิสซิ่ง อยู่ประมาณ 3 ปี ก่อนจะบินไปอเมริกาอีกครั้ง เพื่อเรียนปริญญาเอก สาขา International Finance จาก United States International University เพิ่งกลับมาหลังเรียนจบเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน
ส่วนชัยวัฒน์ จบปริญญาตรี สาขาบริหารโรงแรม จากมหาวิทยาลัยพายัพ ในปี 2535 และออกไปทำธุรกิจบ้านจัดสรร ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัว ก่อนจะเริ่มกลับมาเข้ามาช่วยงานที่บ้านอย่างไม่เต็มตัวในปี 2539
ปี 2540 ซึ่งเป็นปีที่มีการลดค่าเงินบาท อุทัตได้กิจการโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นของลูกค้าที่นำมาจำนอง และประสบปัญหาทางการเงิน จึงส่งชัยวัฒน์ไปบริหาร
หลังจากนั้น ชัยวัฒน์จึงกลับมาช่วยงานอย่างจริงจังในนิ่มซี่เส็ง ลิสซิ่ง ในปี 2541
ปี 2544 ชัยวัฒน์ จบปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปัจจุบันกิจการโรงแรม ถือเป็นธุรกิจส่วนตัวของอุทัตยังไม่ถือเป็นธุรกิจหลักของนิ่มซี่เส็ง โดยนอกจากโรงแรมที่เชียงรายแล้ว ยังมีโรงแรมที่เชียงใหม่อีก 1 แห่ง ที่เพิ่งเปิดเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา
โดยชัยวัฒน์ยังได้ไปช่วยพ่อดูแลโรงแรมนิ่มซี่เส็ง เชียงใหม่ อีกงานหนึ่งนอกเหนือจากงานในนิ่มซี่เส็ง ลิสซิ่ง
ส่วนโรงแรมนิ่มซี่เส็งที่เชียงราย มีชาติชาย ลูกชายคนสุดท้องของอุทัต ที่เพิ่งจบปริญญาโทจากต่างประเทศ เป็นคนดูแลกิจการอยู่
|
|
|
|
|