Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 มกราคม 2550
เจ้าพระยามหานครช็อก!ทำบ้านหรู14ล.มั่นใจพระราม2กำลังซื้อสูง-แบงก์เซอร์เวย์ขายแพงรอด             
 


   
search resources

Real Estate
วิเชียร แพทยานันท์
เจ้าพระยามหานคร, บจก.




บิ๊กเจ้าพระยามหานครฯ สวนกระแสตลาดบ้านหรู งัดที่ดินเก่าทำเลพระราม 2 เนรมิตรบ้านแพงขายราคาตั้งแต่ 10-14 ล้านบาท ยันซัปพลายใหม่จากคู่แข่งในราคาเดียวกันไม่เพิ่มขึ้น ระบุข้อมูลเซอร์เวย์ทั้งของบริษัทและแบงก์ตรงกัน บ้านแพงเกิน 10 ล้านบาทขายได้แน่ พร้อมกระโจนข้ามไปเส้นรามคำแหง (ลำสาลี)ผุดคอนโดฯแนวสูง ภายใต้ชื่อ " Bangkok Horizon" หรือ เส้นขอบฟ้าของด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ" มูลค่า 1,600 ล้านบาท ทำตลาดสูงกว่าแอล.พี.เอ็น.ฯ หวังสร้างเป็นเมืองขนาดย่อมเชื่อมสุวรรณภูมิ-พระราม-9 และสีลม

นพ.วิเชียร แพทยานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนของบริษัทในปี 2550 ว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการแก่ผู้บริโภค ถึงแม้ในปี 50 สถานการณ์ต่างๆไม่เอื้ออำนวย โดยเกิดปัจจัยลบเข้ามากระทบต่อตลาด เช่น นโยบายการกันสำรอง 30% เหตุการณ์ระเบิดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่แนวโน้มปัจจัยเสี่ยงทางด้านราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทต้องมาประเมินแผนธุรกิจของบริษัทให้รัดกุม เนื่องจากเริ่มมีแนวโน้มที่ธนาคารพาณิชย์จะชะลอการปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการ หากเป็นบริษัทรายใหม่และประสบการณ์น้อย ธนาคารพาณิชย์จะชะลอปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการ รวมถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จะมีการตรวจสอบข้อมูลกับศูนย์ข้อมูลเครดิตบูโรอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดกับสินเชื่อได้

" แต่เท่าที่ดูแล้ว ในส่วนของบริษัทฯแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทั้งเรื่องของเงินกู้โครงการใหม่ เนื่องจากกลยุทธ์และสินค้าที่ออกสู่ตลาด มีความต้องการค่อนข้างมาก โดยในปี 2550 โครงการหลักๆที่จะเกิดขึ้น มีทั้งแนวราบและแนวสูง ในทำเลที่มีศักยภาพและปริมาณสินค้าใหม่ของคู่แข่ง ที่จะผลิตออกสู่ตลาดเริ่มลดลง " นพ.วิเชียร กล่าว

สำหรับโครงการที่ลงทุน ได้แก่ โครงการขนาดใหญ่บนเนื้อที่ประมาณ 90 ไร่ บนทำเลพระราม 2 บริเวณถนนบางกระดี่ ซึ่งจะพัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยมขนาดใหญ่ ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทถึง 14 ล้านบาท เนื้อที่ประมาณ 100-200 ตารางวา รวมมูลค่าขายประมาณ 2,500 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาเป็น 5 เฟส (แยกเป็นเฟส A1 ,A2 ,B ,C และ D1 )เฟสแรกจะมีประมาณ 30 หลัง มูลค่าขายประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกับบ้านตัวอย่างในช่วงระหว่างเดือนมี.ค.-เม.ย. ขณะที่ในเฟสที่ 2 ทางบริษัทกำลังพิจารณาไว้อาจจะเปิดในปี 50 เช่นกัน มีธนาคารคไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ BT ให้การสนับสนุนทางด้านสินเชื่อตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

" บริษัทมีการปรับคอนเซ็ปต์ของการพัฒนาโครงการดังกล่าว จากเดิมจะพัฒนาเป็นแบบบ้านสั่งสร้างและบ้านพร้อมอยู่ แต่ถ้าทำตามแนวทางเดิม ลูกค้าจะไม่ได้รับความสะดวก ประกอบกับทาง บริษัทเดินหน้าไปค่อนข้างเยอะแล้ว จึงปรับมาเป็นบ้านพร้อมอยู่ เราอยากให้ลูกค้าซื้อและเข้ามาอยู่ได้เลย ดีไซน์ของบ้านจะดีและมีความแตกต่างจากคู่แข่งที่เหลืออยู่ในทำเลเดียวกัน เช่น บริษัทที่ออกแบบบ้านจะมีความเชี่ยวชาญแบบสไตล์แคลิฟฟอร์เนีย ระบบสาธารณูปโภคประเภทสายไฟ จะนำลงใต้ดินให้หมด เพื่อให้บรรยายกาศภายในโครงการดูสวยงาม "นพ.วิเชียรกล่าวและว่า

ที่สำคัญจากการสำรวจตลาดในทำเลพระราม 2 แล้ว พฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าค่อนข้างต่างกัน เช่น ถ้าเป็นบ้านระดับกลางและถูก เช่น บ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาทจะขายไม่ค่อยดี หากเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 7-10 ล้านบาทจะขายไม่ค่อยได้ และจากการสำรวจตลาดของเจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์ ระบุตกกับบทสำรวจของบริษัท บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่ขายในราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป จะมีแนวโน้มขายได้ดี นั่นจึงเป็นเหตุลที่ทางโครงการพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับที่สูงและแพงไปเลย โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก จะเป็นเจ้าของธุรกิจในย่านฝั่งธนบุรี

อนึ่ง บริษัทพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับราคาสูงในโซนพระราม 2 มีหลายบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ หากต่ำกว่า 10 ล้านบาท จะเป็นของบริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดิน ช่วงกิโลเมตรที่ 14-15 ส่วนที่ราคา 10 ล้านบาทขึ้น จะมีโครงการของบริษัทแสนสิริและบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ ในช่วงวงแหวนก่อนถึงบางแค แต่เท่าที่พบ ซัปพลายของบ้านในระดับราคาที่สูงไม่ได้เพิ่มขึ้น

กระโดดทำคอนโดฯย่านรามคำแหง

สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการสูงนั้น นพ.วิเชียรกล่าวว่า ถึงแม้ทางกลุ่มจะมีการแยกการทำตลาดอย่างชัดเจนระหว่างบริษัทและบริษัท พระยาพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งอยู่ในกลุ่ม(มีนายวุฒิพงษ์ แพทยานันท์ (พี่ชาย)นั่งบริหาร) ที่จะรับผิดชอบอาคารชุดลูกค้าระดับบี ส่วนโครงการแนวราบจะเป็นความรับผิดชอบของบริษัท เจ้าพระยามหานครฯ ที่ทำเจาะกลุ่มลูกค้าระดับเอ ล่าสุดทางบริษัทได้ที่ดินมาหนึ่งแปลงเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ และกำลังอยู่ระหว่งการพัฒนาไปสู่โครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ " Bangkok Horizon" ซึ่งมีความหมายว่า เส้นขอบฟ้าของด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ บริเวณรามคำแหงเส้นลำสาลี สูง 37 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการภายในปีนี้แน่นอน

" สำหรับเหตุผลที่เลือกทำที่ดินแปลงนี้ เราตั้งใจจะพัฒนาให้เกิดเมืองขนาดย่อม ที่สามารถเชื่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ไปพระราม 9 และไปยังศูนย์กลางธุรกิจอย่างสีลมได้ ขณะที่ตนมองว่า ถ้าไปยังสุวรรณภูมิเลย จะมีข้อจำกัดทั้งเรื่องสร้างตึกสูงไม่ได้ เรื่องเสียงเป็นสิ่งที่เรากังวล แต่เส้นลำสาลีแล้ว มีชุมชน มีของกิน และเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวได้ กลุ่มลูกค้าหลักจะมีลักษณะที่ต้องทำงานในเมืองและต้องติดต่อกับสนามบินด้วย กลุ่มลูกค้าหรือราคาขายจะสูงกว่าโครงการของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ฯที่กำลังดำเนินการอยู่ เราจับลูกค้าระดับเอ และแม้โซนรามคำแหงจะมีคนอยู่เยอะ กลับพบว่าจะเป็นผู้ซื้อระดับกลาง ที่มีรายได้ต่อหัวต่อเดือนประมาณ 20,000 บาท แต่กลุ่มที่มีรายได้ 40,000-50,000 บาทต่อเดือน กลุ่มนี้มีแต่ไม่เยอะ " กรรมการผู้จัดการบริษัทกล่าว

นพ.วิเชียรกล่าวว่าในด้านแนวโน้มของยอดขายของกลุ่มในช่วงปี 49 มียอดขายเป็นไปตามเป้าประมาณ 800 ล้านบาท มียอดรับรู้รายได้ประมารณ 400 ล้านบาท ต่ำกว่าแผนที่ตั้งไว้ที่ 500 ลัานบาท กำไรสุทธิประมาณ 70 กว่าล้านบาท โดยตัวเลขยอดรับรู้รายได้ที่สูงมาจากโครงการคาซ่า ยูเรก้า บางแค, ส่วนโครงการที่สร้างยอดขายจำนวนมาก จะเป็นโครงการชาโตว์ อินทาวน์ คอลลาจ" รัชดาภิเษก 13 มูลค่า 600 ล้านบาท แต่มูลค่าเพิ่มของโครงการขณะนี้ 620 ล้านบาทแล้ว และกำลังทำโครงการใกล้กับโครงการเดิมในซอยที่ 17   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us