โรบินสัน ชี้เศรษฐกิจแย่ก้มหน้าปรับยอดรายได้ปีนี้ทั้งปีอาจลดเหลือหลักเดียว ชี้ยังไงต้องโตกว่าตลาด ทุ่มงบ 300 ล้านบาททำตลาด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ชูกลยุทธ์อีโมชั่น มาร์เก็ตติ้ง ดึงโปรโมชั่นอัดความถี่ พร้อมเพิ่มสัดส่วนสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟอีก 30% กระตุ้นฐานลูกค้าดึงดูดกำลังซื้อคืน ล่าสุดจัดแคมเปญหวาน รับวาเลนไทน์ ด้วยคอลเลคชั่นกว่าหมื่นชิ้น มั่นใจช่วงแคมเปญยอดทะลุกว่า 350 ล้านบาท

นางอุสรา ยงปิยะกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯนับจากนี้จะรุกทำตลาดในเชิงลึกมากขึ้นเนื่องจากต้องแข่งกับสภาวะของตลาดค้าปลีกโดยรวม โดยแผนเบื้องต้นบริษัทฯเตรียมใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดทั้งปี ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มงบมากกว่าปีที่ผ่านมาที่ใช้ไป 260 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุที่ทำให้บริษัทฯต้องเพิ่มงบทำตลาดขึ้น เนื่องจากปัจจัยลบโดยรวมทางเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งภาพรวมค้าปลีกในตลาดอาจมีการเติบโตที่ลดลงซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการโตในปี 49 มีการเติบโตอยู่ 6% แต่ปี 50 นี้คาดว่าจะมีการโตลดลงเหลือเพียง 5% เท่านั้น

อย่างไรก็ตามบริษัทฯต้องยอมรับสภาพของตลาดค้าปลีกในปัจจุบันว่าการทำตลาดจะมีความยากมากขึ้น เนื่องจากอารมณ์การจับจ่ายของลูกค้าลดลงไปมาก จากสภาพเศรษฐกิจการเมือง รวมทั้งความวุ่นวาย ส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งโปรโมชั่น สินค้าการขายต่างๆ ทั้งนี้บริษัทฯต้องนำจุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นมาแก้ไขและให้มีความชัดเจนมากขึ้น จึงจะทำให้ยอดรายได้ของบริษัทฯยังสามารถเติบโตได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามบริษัทฯจำเป็นต้องปรับเป้าหมายการเติบโตเหลือเพียง 1 หลัก จากเดิมการเติบโตในปีที่ผ่านมาสามารถโตได้กว่า 2 หลัก

ดังนั้นแผนการทำตลาดในปีนี้บริษัทฯจำเป็นต้องทำทุกทางโดยเฉพาะการทำตลาดด้วยการจัดทำโปรโมชั่นและเพิ่มความถี่มากขึ้น แผนเบื้องต้นเตรียมจัดทำแคมเปญในแต่ละสาขา 3 –4 ครั้งต่อเดือน

ทั้งนี้บริษัทฯยังเตรียมปรับและเพิ่มสัดส่วนรายการของสินค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยแผนการเบื้องต้น บริษัทฯได้เตรียมนำสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟเข้ามาเพิ่มอีก 30% จากปัจจุบันสัดส่วนของสินค้าแบบนี้มีประมาณ 7% ของสินค้าทั้งหมด จาก 20 สาขา ทั้งนี้การเพิ่มไลน์สินค้าบริษัทฯจะโฟกัสในกลุ่มของสินค้าประเภทแฟชั่น และสินค้าตกแต่งบ้าน เนื่องจากสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม มีการเติบโตในส่วนของยอดขายและมียอดลูกค้าได้ตลอดเวลา แม้ว่า ภาวะทางเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม

“จากปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ภาพรวมของพฤติกรรมผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น ในส่วนของห้างสรรพสินค้าโรบินสันได้รับผลกระทบบ้างเช่นกันแต่ไม่มากนัก จะสังเกตุได้จากช่วงเดือนแรกที่มีปัญหาความวุ่นวายจากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้จำนวนทราฟฟิคลูกค้าลดลง กำลังซื้อลดลง 10% แต่เมื่อผ่านวิกฤตช่วงนั้นได้ เมื่อเข้าสู่ช่วงกุมภาพันธ์ คาดว่ายอดลูกค้ากลับมาจับจ่ายสินค้าเช่นเคย เนื่องจากสินค้าของโรบินสันจัดได้ว่าเป็นสินค้าในกลุ่มแมส และมีความชัดเจนอยู่แล้ว จะเห็นได้จากยอดขายในส่วนรวมของบริษัทฯจะมีทิศทางการโตอยู่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด”

ล่าสุดโรบินสันได้จัดเตรียมงบประมาณไว้ 10 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดช่วงจัดแคมเปญตอนรับช่วงเทศกาล วาเลนไทน์ ด้วยชื่อแคมเปญ My Valentine ระหว่างวันที่ 2- 14 กุมภาพันธ์ ขึ้นเพื่อสอดรับกับเทศกาลและเป็นการกระตุ้นลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายด้วยสินค้ามากกว่า 1 หมื่นรายการ ด้วยการจัดลดสินค้าจากเคาน์เตอร์ไว้กว่า 10 –30% และบริษัทฯเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 350 ล้านบาท โตมากกว่าช่วงเดียวกันในปี 2549 ได้กว่า 20%