Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 มกราคม 2550
คนผ่อนบ้านเฮธอส.หั่นดบ.กู้อีก0.25%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

   
search resources

ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ขรรค์ ประจวบเหมาะ
Interest Rate




ธอส. ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน 0.25% ช่วยประชาชนมีบ้านได้ง่ายขึ้น พร้อมปรับลดดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25-0.5% ส่งผลแบงก์สูญรายได้ 300-500 ล้านบาท ส่วนผลงานปี 49 ปล่อยสินเชื่อ 113,100 ล้านบาท กำไร 3,432 ล้านบาท ปี 50 ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 90,000 ล้านบาท กำไร 4,000 ล้านบาท

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR ลง 0.25% เหลือ 7.50% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับลดลง 0.25 -0.5% โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือนเหลือ 4.25% , เงินฝากประจำ 6 เดือนเหลือ 4.25% , เงินฝากประจำ 1 ปี , 2 ปี และ 3 ปีเหลือ 4.5% และเงินฝากประจำ 5 ปีเหลือ 4.75% มีผลตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาด ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี ระยะ 1 วันลง และเป็นการช่วยเหลือให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับลดดังกล่าวจะทำให้รายได้ของ ธอส.ลดลง 300-500 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2549 ก่อนการรับรองงบการเงินจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 3,432 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 4,367.79 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 21.44% มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 605,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจุบัน ธอส.มีขนาดทรัพย์ตามหลังธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 แห่ง เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้จำนวน 205,460 ราย เป็นเงิน 113,195 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม 115,000 ล้านบาท

ปัจจุบันธนาคารมีสินเชื่อคงค้าง (Outstanding) รวม 537,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.94% ขณะที่ยอดเงินฝากอยู่ที่ 447,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.68% โดยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 5.49% ของสินเชื่อรวม หรือ 29,503 ล้านบาท และมีหนี้ส่วนขาดทั้งสิ้น 19,612.78 ล้านบาท หากรวมทั้งสองส่วนนี้จะทำให้ธอส.มีเอ็นพีแอลทั้งสิ้น 49,114 ล้านบาท หรือ 8.82% และสามารถจำหน่ายทรัพย์รอการขายได้ (NPA) ได้จำนวน 2,843 ล้านบาท ปัจจุบันมีเอ็นพีเอ จำนวน 7,679 ล้านบาท

ส่วนแหล่งเงินทุนที่สำคัญของธนาคาร ได้แก่ 1.เงินฝากและตั๋วสัญญาใช้เงินวงเงิน 435,431 ล้านบาท คิดเป็น 77.71% 2.เงินกู้ภายในประเทศ 8,002 ล้านบาท คิดเป็น 1.43% 3.เงินกู้ต่างประเทศ 8,338 ล้านบาท คิดเป็น 1.49% 4.พันธบัตร 85,500 ล้านบาท คิดเป็น 15.26% และ 5.เงินกู้ยืมในตลาดเงิน 23,092 ล้านบาท คิดเป็น 4.12%

“อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีความต้องการที่จะปรับโครงสร้างทุน โดยลดสัดส่วนของเงินฝากและตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 77 หรือประมาณ 435,431 ล้านบาท แล้วหันไปแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์มากขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อหาข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยก่อนหน้านี้ธนาคารได้เสนอขอทำการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์มูลค่า 40,000 ล้านบาท แต่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเพียง 10,000 ล้านบาท และเป็นการเสนอขายภายในประเทศ ” นายขรรค์กล่าว

นายขรรค์ กล่าวว่า ธนาคารยังเน้นนโยบายปล่อยสินเชื่อคุณภาพให้กับประชาชนทั่วไปมีที่อยู่เป็นของตนเอง โดยจะเร่งขยายฐานลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้กับโครงการที่เกิดขึ้นจากนโยบายของภาครัฐ อาทิ โครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการบ้านมั่นคง โครงการธอส.-กบข. โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โครงการส่งเสริมธุรกิจตลาดบ้านมือสอง เป็นต้น โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ขั้นต่ำ 90,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4,000 ล้านบาท ในปี 2550

สำหรับนโยบายการดำเนินงานในปีนี้จะเปลี่ยนแปลงกุลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติโดยใช้หลักการ balanced scorecard โดยกำหนดนโยบายเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการเงิน เป็นการแปลงทรัพย์สินเป็นหลักทรัพย์ การทำซีเคียวรีไทเซซั่น การปรับโครงสร้างด้านเงินฝาก (deposit tenor restructuring) 2.แยกบัญชีลูกค้าภาครัฐและเอกชน, เปิดศูนย์บริการ OSS, เปิดเค้าน์เตอร์การเงิน และเปิดสาขาใหม่ 3.ปรับกระบวนการดำเนินการภายใน โดยการนำระบบ core banking มาใช้ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ และ 4.เพิ่มการเรียนรู้และการเติบโต โดยการปรับระบบเพื่อให้รองรับเกณฑ์มาตรฐานทางบัญชีใหม่ BASE II

นอกจากนี้ธอส.ยังได้ประกาศแต่งตั้งผู้บริหาร 2 ตำแหน่ง คือ นายคนิสร์ สุคนธมาน ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี และนายสัมมา คีตสิน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us