สิงห์รถบรรทุก “ฮีโน่” ประเดิมศักราช เปิดตัวรถบรรทุกเล็ก “ซีรีส์ 3” วางเครื่องยนต์ใหม่ ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร3 ดันส่วนแบ่งตลาดรถบรรทุกเล็กจาก 21% เป็น 30% ตั้งเป้าปีนี้ 2,000 คัน จากทุกรุ่น 8,500 คัน คาดตลาดรวมทรงตัวปิด 2.3 หมื่นคัน

นายศักดา พงษ์ไพโรจน์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเปิดตัว “ซีรีส์ 3” รถบรรทุกขนาดเล็กรุ่นใหม่ แทนที่ตระกูล “ดูโทร” โดยแบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย ทั้ง 4 ล้อ - 6 ล้อ พร้อมวางเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล รุ่นใหม่ ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร3 ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดของรัฐบาลที่มีผลบังคับใช้ในปีนี้

“ซีรีส์ 3 นอกจากจะถูกปรับปรุงรูปโฉม ทั้งภายนอกภายใน เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานแล้ว บริษัทฯ ยังก้าวไปอีกขั้นกับเครื่องยนต์ที่ ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร3 ซึ่งจะทำให้การเผาไหม้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดมลพิษ ได้แรงม้าเพิ่มขึ้น และประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์เดิม 5 -10%”

อย่างไรก็ตามราคาของ ซีรีส์ 3 จะเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 5% ในแต่ละรุ่น ทั้งนี้บริษัทฯหวังจะได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการทั้งหลาย พร้อมวางเป้าหมายในปีนี้ไว้ 2,000 คัน ส่งผลให้มีส่วนแบ่งตลาดรถบรรทุกเล็กเพิ่มขึ้นจาก 21% เป็น 30% ส่วนรถบรรทุกใหญ่ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดที่ 45% และเมื่อรวมทุกรุ่นปีนี้บริษัทฯน่าจะทำยอดขายถึง 8,500 คัน

นายศักดา กล่าวว่า เศรษฐกิจในปีนี้อาจไม่ค่อยดีนัก และตลาดรถบรรทุกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้ ขณะที่ภาพรวมอาจไม่ขยายตัวเหมือน 3-4 ปีก่อน ซึ่งปีนี้ตลาดรถบรรทุกน่าจะปิดที่ 2.3 หมื่นคัน ใกล้เคียงกับปี 2549 ที่ทำได้ 2.25 หมื่นคัน

“ฮีโน่ ถือเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 45 ปีแล้ว และถึงวันนี้มียอดขายสะสมเกิน 200,000 คัน นั่นแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจจากผู้บริโภค และแบรนด์ที่เข้มแข็ง ซึ่งบริษัทยังมุ่งมั่นเดินหน้ารักษาเรื่อง คุณภาพสินค้า บริการหลังการขาย รวมถึงเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ต่อไป”

สำหรับแผนงานอื่นในปีนี้นอกจากการเปิดตัว ซีรีส์ 3 แล้ว ยังจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการจาก 69 สาขา เป็น 72 สาขา ในปีนี้ และขยายอีก 5 สาขาในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯเตรียมขยายตลาดอะไหล่เทียบภายใต้แบรนด์ “ป็อบ” ที่ฮีโน่ได้พัฒนาขึ้นมาเอง กว่า 400 รายการ ซึ่งราคาจะถูกกว่าอะไหล่แท้ประมาณ 50% เพื่อตอบสนองความต้องการ และเป็นการช่วยลูกค้าอีกทางหนึ่ง

ขณะเดียวกันบริษัทฯยังได้มีการศึกษาร่วมกับ บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก ในการจัดหารถบัสเอ็นจีวี มาวิ่งให้บริการ ซึ่งขั้นต้นพิจารณาทั้งการนำรถรุ่นเดิมที่วิ่งอยู่มาดัดแปลง ไปจนถึงหารถเอ็นจีวีรุ่นใหม่ทั้งคันมาเลย ในส่วนของรถบรรทุกบริษัทฯก็มีแผนเช่นกัน แต่คงต้องดูความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทั้งนี้จากการศึกษาวิจัยของบริษัทพบว่า สัดส่วนลูกค้ามีความต้องการแบบ 50:50 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคุณภาพก๊าซในเมือง ที่ให้พลังงานน้อย รวมถึงสถานีบริการที่ยังมีไม่เพียงพอ