|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
N-PARK เล็งเห็นทางโตระยะยาว อนุมัติแสนสิริเพิ่มทุนครั้งใหญ่เป็น 12,000 ล้านบาท หวังเพิ่มสภาพคล่อง เดินหน้าท้าชนแลนด์ฯ ลงทุนทุกเซกเมนต์เต็มสูบ รอจังหวะสถานการณ์คลี่คลาย ความเชื่อมั่นกลับคืนเดินสายโรดโชว์นักลงทุน เศรษฐา ยืนยันยังพร้อมจะซื้อหุ้น หลังสะดุดกฎ ESOP ของ กลต.
หลังจากที่แสนสิริออกมาประกาศส่งท้ายปลายปีที่แล้วว่าจะเพิ่มทุนจดทะเบียนครั้งใหญ่อีก 2 เท่าตัว จากเดิม 6,305 ล้านบาท เป็น 12,610 ล้านบาทภายในต้นปีนี้ โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 2,946 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4.28 บาท เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)พร้อมออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (วอแรนต์) ไม่เกิน 1,473 ล้านหน่วยให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนต์ กลายเป็นแรงกระเพื่อมที่สั่นไหวไปทั่ววงการ จนต้องหันมาจับตามอง เพราะเหตุผลที่แสนสิริให้ไม่ใช่แค่เพื่อขยายการลงทุนอย่างครบวงจรเท่านั้น แต่ยังหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องล้มตำแหน่งแชมป์ของวงการบ้านจัดสรรที่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เคยครองมาตลอดให้ได้
นอกจากนี้ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 0.6% ในแสนสิริ ยังออกมากล่าวว่า ตนเองสนใจที่จะเข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เนื่องจากต้องการให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในฐานะที่ผู้บริหารกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เอง ซึ่งจะสามารถนำพาแสนสิริไปสู่เป้าหมายได้ดีที่สุด แม้ภาพภายนอกที่แสดงออกมาจะดูสวยหรูว่าการเพิ่มทุน คือ ความพยายามที่จะลดบทบาท N-PARK ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ระยะหลังมีปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก กลายเป็นภาพลักษณ์เชิงลบมาโดยตลอด แต่สุดท้าย N-PARK ก็เลือกหนทางที่เป็นประโยชน์ในระยะยาว และ win-win ทั้งสองฝ่ายด้วยการอนุมัติให้แสนสิริสามารถเพิ่มทุนได้ เพราะมองว่าหลังเพิ่มทุนแม้สัดส่วนถือหุ้นจะลดลงจากเดิมครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 12% แต่รายได้ที่จะเข้ามาสู่ N-PARK จะไม่ลดลง กลับจะมากขึ้นในอนาคต จากเงินทุนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งแสนสิริเองที่จะสามารถขยายการลงทุนได้กว้างขวางครบวงจรทุกเซกเมนต์
แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) พิจารณาเห็นว่า หาก เศรษฐา ต้องการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 24.91% จะเข้าข่ายประกาศของ กลต. เรื่องการขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ต่อกรรมการหรือพนักงาน หากยังยืนยันจะซื้อหุ้นอยู่ จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในประกาศเรื่อง ESOP ซึ่ง เศรษฐา ขอเวลาพิจารณาข้อดีข้อเสีย รวมทั้งลักษณะการเข้าไปถือหุ้นที่จะทำได้ก่อน เพราะการซื้อในลักษณะ ESOP จะมีข้อจำกัด เช่น ต้องเสียภาษี 5% รวมทั้งมีระยะเวลาในการแปลงสภาพ 5 ปีและ 10 ปี
แม้ว่าจะมีมาตรการภาครัฐ เช่น การแก้ไข พรบ.ประกอบธุรกิจต่างด้าว และมาตรการสกัดกั้นเก็งกำไรค่าเงินบาทออกมากระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน เศรษฐา กล่าวว่า สำหรับกรณีของบริษัทยังต้องรอดูผลตอบรับจากการไปโรดโชว์ที่ต่างประเทศก่อน และคาดว่าจะดำเนินการเพิ่มทุนเมื่อบรรยากาศการลงทุนกระเตื้องขึ้นกว่าปัจจุบัน และตลาดหลักทรัพย์ฯกลับคืนสู่ภาวะปกติ ซึ่งหากเพิ่มทุนได้สำเร็จ จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 1.37 เหลือ 0.88 ทันที มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง แต่หากไม่สำเร็จ บริษัทฯ สามารถใช้กระแสเงินสดกว่า 1,000 ล้านบาท รองรับการลงทุนแทนได้
สำหรับแผนการลงทุนของแสนสิริ และบริษัทในเครือปีนี้เบื้องต้นคาดว่าจะมีการเปิดตัวประมาณ 20 โครงการ และหากเพิ่มทุนได้สำเร็จจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งแน่นอนว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ และ พร้อมพัฒน์ สองบริษัทลูกของแสนสิริจะกลายเป็นหัวหอกใหญ่ที่หวังจะกินรวบตลาดบ้านระดับกลาง ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ ที่กำลังมาแรงอย่างยิ่งในปีนี้ อาศัยเม็ดเงินจากการเพิ่มทุนมาขยายการลงทุนได้อย่างก้าวกระโดดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักลงทุนต่างชาติแล้วว่าจะมีความเชื่อมั่นมากพอที่อัดฉีดเงินลงทุนเข้ามาเพื่อผลักให้แสนสิริได้เติบโตตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องลุ้นมากกว่าว่า เศรษฐา จะสามารถฝ่าทางตันข้อกำหนด ESOP เพื่อหาหนทางเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ได้หรือไม่
|
|
|
|
|