|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ฮันเดรด ปูทางกลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เสริมความแข็งแกร่งผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต แก้เกมระหว่างรอความชัดเจนช่วงกฎหมายห้ามโฆษณาเหล้า 24 ชั่วโมง ท่ามกลางตลาดเหล้าหดตัว 20% และยอดขายปีที่ผ่านมาลดลง 10%.คาดการณ์กันว่า บรรดาค่ายเหล้าจะพากันปรับกลยุทธ์โดยใช้กลยุทธ์ราคาเข้ามาเป็นตัวเลือกแรก ในการ Pull Strategy เพื่อให้สินค้าได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ผ่าทางตันการห้ามโฆษณาของบภาครัฐก็ตาม
ทว่า จากปัจจัยการตัดสินใจซื้อวิสกี้ นำเข้า เซกเมนต์สแตนดาร์ดของผู้บริโภค ขึ้นอยู่กับคุณภาพสินค้า และภาพพจน์แบรนด์เป็นอันดับแรก ทำให้ปัจจุบันแนวทางการสื่อสารการตลาดผ่านกลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง และสื่ออินเทอร์เน็ต ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำตลาด เพราะเป็นเครื่องมือการตลาดที่มีศักยภาพ สามารถสร้างประสบการณ์และความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จำนวนมากและตรงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
ยิ่งไปกว่านั้นในสภาวการณ์ที่มาตราการห้ามโฆษณา ประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ สื่อรถไฟฟ้าบีทีเอส สื่อกลางแจ้งตลอด 24 ชั่วโมงยังไม่มีความชัดเจนนั้น บรรดาค่ายเหล้าก็ต่างพากันทางออกใหม่ โดยปรับเปลี่ยนแนวการตลาดมาใช้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง มาสร้างประสบการณ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์
ขณะที่สื่ออินเทอร์เน็ต เป็นช่องทางในการอัพเดทข้อมูลข่าวสารกิจกรรมต่าง ๆ อีกทั้งเป็นสื่อ Interactive ที่มีการโต้ตอบระหว่างกัน ให้ผู้ที่สนใจกรอกข้อมูล รายละเอียดและความชอบส่วนตัว สมัครเข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งนำฐานข้อมูลมาพัฒนากิจกรรมครั้งต่อไป ให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้
ความเคลื่อนไหวของการใช้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง และสื่ออินเทอร์เน็ต ที่เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในเวลานี้ ที่ผ่านมานั้น 2 ค่าย ซึ่งเป็นแบรนด์หลักในตลาดวิสกี้นำเข้า ในเซกเมนต์สแตนดาร์ด ที่เริ่มปรับกระบวนการสื่อสารการตลาดมาให้ความสำคัญกับสื่ออินเทอร์เน็ตคือ ฮันเดรด ไพเพอร์ส ของบริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) ได้พัฒนาเวบไซต์ ภายใต้ชื่อ www.100Community.com ที่มีมีสโลแกนว่า "100 คนรู้จัก ไม่เท่า 100 เพื่อนแท้ ขณะที่คู่ปรับคือ "เบนมอร์" จากค่ายริชมอนเด้ เปิดเวบไซต์ bemorehitz.com ตามกันมาติดๆเช่นกัน
สำหรับทางด้านการจัดกิจกรรมคอนสิร์ต ล่าสุด เพอร์นอร์ต ค่ายเหล้านอก เบอร์หนึ่งในตลาดวิสกี้ เซกเมนต์แสตนดาร์ด เปลี่ยนแนวรุกตลาดใหม่ โดยหันไปให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตร็อกไทยล้วนๆ 6 วงคือ แคลช ,เอนโดฟิน,โมเดิร์นด็อก, สล็อตแมชีน, พาราด็อกซ์ และเบิร์น ภายใต้ชื่อว่า "เชียงใหม่ ฮันเดรด ร็อค เฟสติวัล 2007 " ซึ่งเป็นกิจกรรมครั้งแรกที่แตกไลน์จากแคมเปญมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง ระดับท้องถิ่น ที่ก่อนหน้านี้การจัดคอนเสิร์ตเในรูปแบบเดิม เพอร์นอร์ตมีบทบาทเพียงเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนสถานบันเทิงร้านอาหาร ผับและบาร์ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในในหัวเมืองหลักทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม เพื่อหลีกเหลี่ยงข้อกฎหมายใหม่ ที่ไม่สื่อสารแบรนด์ถึงผู้บริโภคที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ดังนั้นการจัดฟรีคอนเสิร์ตซึ่งจะมีกลุ่มเด็กเข้าไปร่วมกิจกรรมด้วย ทำให้ต้องมีการเก็บค่าบัตรเข้าชม 100 บาท เข้าได้ 4 คน อีกทั้งเพื่อเป็นการตอกย้ำการวางตำแหน่งทางการตลาด "ฮันเดรท ไพเพอร์ส" ที่มุ่งเน้นการสื่อสารคอนเซ็ปต์การตลาด "ความหมายของคำว่าเพื่อนแท้ คุณเท่านั้นที่รู้" จับกลุ่มลูกค้าช่วงอายุระหว่าง 20-35 ปี
นอกจากนั้น ยังมีการใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นสื่อเสริม เพื่อให้การจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้มีการขยายการรับรู้ ไม่เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น เพราะจะมีการออนไลน์ให้กลุ่มลูกค้าสามารถชมคอนเสิร์ตได้ทั่วประเทศ ผ่านทางคอมมูนิตี้ เวบไซด์ฮันเดรด ไพเพอร์ส ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์ให้กลุ่มแฟนของฮันเดรด ไพเพอร์สเข้ามาติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหว พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยเริ่มเปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมีสมาชิกเข้ามาลงทะเบียนประมาณ 1 หมื่นคน
ส่วนนโยบายการจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตของ " แบ็งค็อก ร็อค เฟสติวัล "ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในพื้นที่กรุงเทพฯนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผน ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงต้นปีหรือสิ้นปี และรูปแบบไหนนั้น จะเป็นไปตามสถานการณ์พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของภาครัฐปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน ซีริล เลอกรองค์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาตลาด บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า
อัตราการเติบโตของวิสกี้กลุ่มสแตนดาร์ดในปีที่ผ่านมา ตลาดหดตัวลง 20% และผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรก(รอบบัญชีเดือนกรกฎาคม-มิถุนายน 2550) ยอดขายฮันเดรดลดลง 10% แต่ยังรักษาส่วนแบ่งตลาดในระดับ 80% ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนภาพรวมสุรา ทั้งไทยและต่างประเทศ ในช่วงที่ผ่านมาลดลงไป 10% เป็นผลจากการปรับภาษี โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ สุราในกลุ่มแอดมิกซ์ มียอดขายลงไปถึง 60% และเชื่อว่าใน 3-4 ปีข้างหน้าสุรากลุ่มแอดมิกซ์จะหายไปจากตลาดประเทศไทย.
สำหรับงบการตลาดปีนี้บริษัททุ่ม 1.3 พันล้านบาท แบ่งเป็น ฮันเดรดฯ 1 พันล้านบาท และอีก ร้อยล้านบาท เป็นชีวาส รีกัลนี้ และส่วนการจัดสรรงบการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของแนวทางการห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมงนั้น บริษัทได้เตรียมแผนไว้ 2 แนวทาง คือ
หนึ่ง จัดสรรโฆษณา (Below the Linne)ไปตามสถานบันเทิงในช่วงกลางคืนมากกว่าAbove the Line ในกรณีที่การห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมงมีผลบังคับใช้
สอง ถ้าการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงไม่มีผลบังคับ บริษัทจะไม่ทำตลาดหรือสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 20 ปี
นโยบายการตลาดในปี 2550 จะไม่เน้นการจัดกิจกรรมเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯเท่านั้น แต่พยายามจะขยายฐานการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อให้เข้าถึงแต่ละภาคทั่วประเทศ เพื่อความมั่นคงของตัวแบรนด์และกระจายยอดขายให้ครอบคลุมไปทั่วทุกภูมิภาคด้วยเช่นกัน
ส่วนเหตุผล ประเดิมจัดคอนเสิร์ตในจังหวัดเชียงใหม่เป็นแห่งแรก เพราะเป็นพื้นที่ไฮไลท์ต่างจังหวัดของฮันเดรด ไพเพอร์ส ที่มีจังหวัดเชียงใหม่เป็นอันดับหนึ่งตามมาเป็นลำดับด้วยพัทยา ชลบุรี ขอนแก่น และโคราช ซึ่งเจ้าตลาดอย่างฮันเดรด ไพเพอร์สเข้ามาปักธงในเชียงใหม่ก่อนค่ายอื่นๆกว่า 5 ปี เนื่องจากสัดส่วนการขายในพื้นที่นี้เป็น 15% ของตลาดทั้งประเทศ และฮันเดรด ไพเพอร์ส มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 82 - 85% และฮันเดรด มอล์ต 8 ปี มีส่วนแบ่งทางการตลาด 25%
ประการต่อมา ภาคเหนือตอนบนและตอนล่างรวม 16 จังหวัด ยังเป็นพื้นที่การทำตลาดที่เบนมอร์ ค่ายคู่แข่ง ทุ่มงบประมาณมาให้ความสำคัญ เริ่มทำตลาดเมื่อปี2548 ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลเอซีล นีลเส็น ที่มีรายงานว่า อัตราการบริโภควิสกี้ เซกเมนท์สแตนดาร์ด ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มีตัวเลขยอดขาย 80 % ของภาคเหนือทั้งหมด ขณะที่ยอดขายทั้งหมดในภาคเหนือมีสัดส่วนประมาณ 25% และเป็นอันดับสองของยอดขายทั่วประเทศ
ประการสุดท้าย กลุ่มลูกค้าของวิสกี้นำเข้า เซกเมนต์สแตนดาร์ด ในหัวเมืองต่างจังหวัด มีพฤติกรรมการดื่ม (BYO : Bring Your Own Whisky) หรือหิ้วเหล้าที่ซื้อจากร้านค้าทั่วไปเข้าไปดื่มในร้านอาหาร เพราะเจ้าของผับไม่คิดค่าเปิดขวด ดังนั้นการทำสงครามแย่งชิงพื้นที่ในช่องทางออนพรีมิส สถานบันเทิงกลางคืนเป็นเพียงการดิสเพลย์เพื่อRemind Brand กับผู้บริโภคเท่านั้น
ขณะที่กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ที่สามารถสร้างประสบการณ์และความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งสร้างแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค และให้สินค้าเป็นที่นิยมและเป็นตัวเลือกอันดับแรกในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
ที่สำคัญยังเป็นเพียงทางเลือกเดียว ที่จะเข้ามีบทบาททดแทนการใช้สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อครบวงจรทั้งโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ สื่อรถไฟฟ้าบีทีเอส สื่อกลางแจ้งที่อาจถึงคราวอวสาน เพราะ กฏเกณฑ์ของภาครัฐ
|
|
|
|
|