Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 มกราคม 2550
นายกตอกฝาโลงไอทีวี ยังไม่จ่าย2พันล.เลิกคุย             
 


   
www resources

โฮมเพจ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี

   
search resources

ไอทีวี, บมจ.
นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล
TV




สุรยุทธ์ สั่ง หม่อมอุ๋ย ตอกฝาโลง ไอทีวี ต้องชดใช้สัมปทานค้างจ่าย 2,210 ล. 31 ม.ค.นี้ ลั่นรัฐ “ไม่โง่ติดดิน” ที่จะยอมให้ผ่อน อ้างศาลสั่ง รัฐไม่ยอมเสียเปรียบยก 5 แนวทางเข้าหารือ ครม. อสส. รู้หน้าที่แล้ว ยอมรับลูก สปน. ส่งฟ้องบังคับคดีค่าสัมปทาน-ค่าปรับแสนล้านจากไอทีวี โยนศาลตัดสินตั้ง-ไม่ตั้งอนุญาโตฯ ด้านผู้บริหารไอทีวี แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเสนอแปลงหนี้ค่าสัมปทานส่วนต่างเป็นทุน โดยจะชำระหนี้ด้วยการออกหุ้นใหม่ 1,500 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท และชำระเป็นเงินสด 710 ล้านบาท ให้ สปน. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ส่วนที่เหลือขอผ่อนชำระ 5 ปี ขณะเดียวกัน ระบุมีบริษัทเอกชนไทยสนใจเข้ามาซื้อหุ้นของไอทีวี พร้อมรับผิดชอบเจรจาภาระหนี้สินและข้อพิพาทต่าง ๆ สมเกียรติ ลากไส้ ไอทีวี ยื่นแผนต่อรอง หวังเตะถ่วงเวลา เตือนรัฐบาล-คมช.อย่าหน่อมแน้มหลงกล ย้ำงดซูเอี๋ยคนผิด

ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าหารือกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กรณีไอทีวียื่น 5 แนวทางในการชำระสัมปทานค้างจ่ายจำนวน 2,210 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดต้องชำระในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ว่า วันนี้นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานความคืบหน้ากรณีไอทีวีต้องจ่ายสัมปทานให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งทางไอทีวีได้เสนอแนวทางมาหลายอย่าง ทั้งนี้ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ทางไอทีวีจะต้องนำเงินมาจ่ายเป็นค่าปรับ 2,210 ล้านบาท ก่อนจะมาเสนอขอเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะกรณีนี้ศาลสั่งแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ให้แนวทางอย่างนี้

ม.ร.ว.ปรีดียาธร กล่าวหนักแน่นว่า จะไม่พิจารณา 5 แนวทางที่ไอทีวีเสนอมา จนกว่าไอทีวีจะจ่ายเงินค่าสัมปทานค้างจ่าย ถ้าพิจารณาก่อนก็เสียเปรียบ อะไรที่ศาลตัดสินแล้วต้องปฏิบัติก่อน ซึ่งการดำเนินการให้ไอทีวีรับทราบเป็นหน้าที่ของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่จะจัดการเอง

เมื่อถามว่า ในส่วนที่ไอทีวีไปยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการ รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องค่าปรับผิดสัญญากรณีปรับผังจำนวนกว่า 97,000 ล้านบาทนั้น ไว้คุยทีหลัง ขอ 2,210 ล้านบาทมาก่อน เมื่อถามว่า ทาง สปน.ระบุว่า เรื่องการขอผ่อนผันจ่ายสัมปทานค้างจ่ายเป็นงวดๆ ต้องหารือกับกระทรวงการคลังก่อน ม.ร.ว.ปรีดียาธร กล่าวว่า ไม่ต้องหารือกระทรวงการคลังเลย ไม่ผ่อน ศาลตัดสินแล้วยังจะไปอ่อนได้อย่างไร ก็แพ้เขาทั้งชีวิตซิ

เมื่อถามว่า สถานภาพของไอทีวีมีเงินไหม รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าเขาอยากทำทีวีเงินแค่นี้เขาก็หาได้ เมื่อถามถึงกรณีที่ไอทีวีเสนอแนวทางให้รัฐซื้อหุ้นคืน ม.ร.ว.ปรีดียาธร ย้อนถามว่า “ทำไมต้องเอาเงินไปให้เขา ทุกอย่างเขาต้องเอาเงินให้เรา คิดดูถ้าเราเอาเงินไปให้เขา แล้วเขาบอกว่าเราเอาเงินไปให้ แหมถ้าใครทำโอ้ย..ต้องบอกว่าโง่ติดดินเลยนะ”

อัยการสูงสุดยันไม่ล่าช้า

นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) เตรียมส่งหนังสือยืนยันไปถึงอัยการสูงสุดในเรื่องการตั้งหรือไม่ตั้งอนุญาโตตุลาการว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องอย่างเป็นทางการ คาดว่าหาก สปน.ส่งหนังสือไป เรื่องก็คงจะอยู่ที่สำนักงานคดีปกครอง ทั้งนี้ตนทราบว่าทางไอทีวีได้เสนอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการแล้ว แต่ทาง สปน.ไม่ยอม ซึ่งถือเป็นข้อโต้แย้งที่ต่างฝ่ายสามารถทำได้ เพราะเมื่อต่างฝ่ายไม่เห็นพ้องกัน โดยฝ่ายหนึ่งให้ตั้ง แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ให้ตั้ง กระบวนการก็ต้องไปสู่ศาล ส่วนศาลจะพิจารณาไปเลยหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นก็แล้วแต่ศาล

เมื่อถามว่า เมื่อ สปน.ส่งหนังสือไปยังอัยการสูงสุดกระบวนการจะล่าช้าหรือไม่ นายพชร ยืนยันว่า ไม่ช้าอย่างแน่นอน เราจะพยายามทำให้เร็ว เรื่องนี้ไม่เห็นต้องใช้เวลาในการพิจารณามากมายนัก เพราะความเห็นในการตั้งอนุญาโตตุลาการร่วมหรือไม่ ไม่ทำให้เวลาล่าช้า ส่วนกระบวนการส่งฟ้องศาลบังคับคดีในกรณีค่าปรับที่ทำผิดสัญญาและค่าสัมปทานค้างจ่ายนั้น เมื่อสปน.ส่งเรื่องไปอย่างไร เราก็ต้องยืนยันตามความเห็นของ สปน.

ส่วนกรณีที่ไอทีวีได้เสนอทางเลือกในการจ่ายค่าสัมปทานค้างจ่ายต่อสปน.นั้นนายพชร กล่าวว่า เรื่องนี้ทาง อสส.ไม่เกี่ยวข้องเพราะเป็นเรื่องระหว่าง สปน.กับไอทีวีที่จะเจรจากัน เพราะค่าสัมปทานค้างจ่ายกับค่าปรับกรณีที่ไอทีวีทำผิดสัญญาเป็นคนละเรื่องกัน

ไอทีวียังดิ้นทุรนทุราย

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการประสานงานการดำเนินการตามสัญญาเข้าร่วมงาน และดำเนินการสถานีวิทยุและโทรทัศน์ ระบบ UHF โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นประธานที่ประชุม เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2550 บริษัทได้แจ้งว่า สถานะการเงินของบริษัทปัจจุบันมีเงินสดในมือประมาณ 1,300 ล้านบาท ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ และบริษัทยังไม่ประสบความสำเร็จในการขอกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน รวมทั้งยังไม่สามารถดำเนินการระดมทุนผ่านตลาดทุน โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป หรือการออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายได้ในขณะนี้ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ ความไม่แน่นอนของจำนวนเงินค่าปรับจากการปรับผังรายการจำนวนเกือบหนึ่งแสนล้านบาท ซึ่งไม่มีธุรกิจใดสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการติดต่อหาแหล่งเงินจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม และเจรจากับ สปน. เกี่ยวกับแนวทางชำระหนี้ดังกล่าวอยู่ โดยได้เสนอขอให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาข้อเสนอของบริษัทในการแก้ไขปัญหาการชำระค่าสัมปทานส่วนต่างจำนวน 2,210 ล้านบาท ใน 5 แนวทาง พร้อมเหตุผล ข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละแนวทาง

บริษัทขอเสนอให้แปลงหนี้ค่าสัมปทานส่วนต่างดังกล่าวเป็นทุน โดยบริษัทชำระหนี้ด้วยการออกหุ้นใหม่ 1,500 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท และชำระเป็นเงินสด 710 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ สปน. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในอัตราร้อยละ 55.4 ของหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้ว ซึ่งในแนวทางนี้ ภาระหนี้สินจำนวน 2,210 ล้านบาท จะหมดสิ้นไป การดำเนินงานของบริษัทในอนาคตจะมีความมั่นคงยิ่งขึ้น อันจะเป็นผลดีกับผู้ถือหุ้นรายย่อย และพนักงานไอทีวี หาก สปน.เห็นชอบกับแนวทางนี้ บริษัทฯ จะต้องนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติต่อไป

ทั้งนี้ มีบริษัทเอกชนไทยบางกลุ่มมีความประสงค์ขอเข้ามาถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) โดยจะขอซื้อหุ้นของบริษัทที่บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือครองอยู่ทั้งหมด โดยบริษัทและผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เข้ามาบริหารจะเป็นผู้รับผิดชอบเจรจาภาระหนี้สินและข้อพิพาทต่าง ๆ กับ สปน.ต่อไป ซึ่งบริษัทจะสามารถดำเนินธุรกิจตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ต่อไปได้ ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย และพนักงานไอทีวี แต่ประการใด สำหรับแนวทางเลือกนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของคณะกรรมการ และหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน ) และผลการเจรจากับผู้ลงทุนรายใหม่เสนอให้หน่วยงานของรัฐบาลรับซื้อหุ้นของบริษัท ไอทีวี จาก บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ทั้งหมด โดยมีสัดส่วนร้อยละ 52.9 ของหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้ว หรือจำนวน 638 ล้านหุ้น ซึ่งกรณีนี้รัฐบาลต้องจัดหางบประมาณจำนวนหนึ่งสำหรับการเข้าซื้อหุ้น และการดำเนินกิจการต่อจากนี้

บริษัทฯ เสนอขอชำระหนี้ค่าสัมปทานส่วนต่างบางส่วนจำนวน 1,000 ล้านบาท ที่เหลืออีก 1,210 ล้านบาท บริษัทขอผ่อนชำระภายใน 5 ปี โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำรายละเอียดประกอบแนวทางข้อเสนอนี้ให้ สปน. พิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม ในอนาคต หากมีเหตุการณ์หรือปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้บริษัท ไอทีวี ไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ภายในเวลาที่ สปน. กำหนด สปน.มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ ได้ สำหรับเรื่องค่าปรับจากการปรับผังรายการและดอกเบี้ยในค่าสัมปทานส่วนต่าง บริษัทฯ ได้เสนอเรื่องเข้ากระบวนอนุญาโตตุลาการแล้ว ตามที่ได้มีหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2550

สมเกียรติเตือนอย่าหลงกลนักธุรกิจ

นายสมเกียรติ อ่อนวิมล อดีตส.ว.สุพรรณบุรีและอดีตกรรมการบริหารฝ่ายข่าวบริษัทไอทีวี จำกัด กล่าวถึงการยื่นข้อเสนอของไอทีวี เพื่อจ่ายค่าสัมปทานค้างจ่ายว่า แนวทางทั้งหมดที่ไอทีวีเสนอมา ถือเป็นดุลพินิจของสปน.ว่าจะทำตามหรือไม่ก็ได้ เพราะท้ายที่สุด หากไอทีวี ไม่มีเงินชำระค่าสัมปทานและค่าปรับ รวมกว่าแสนล้าน สปน.ก็สามารถยึดสัมปทานคืนได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะยึดคืนมาหรือไม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีข้อกังขาว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ และคุณหญิงทิพพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำฯที่เป็นผู้กำกับนโยบาย ไม่มีความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาเชิงนโยบาย จึงทำให้นักธุรกิจมายื่นข้อเสนอตามอำเภอใจได้

"การยื่นข้อเสนอของไอทีวีต่อสปน. ไม่ใช่หน้าที่ของไอทีวี เพราะทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับสปน.จะเป็นผู้สั่งการด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงขอเตือนให้รัฐบาลและสปน.รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของนักธุรกิจ เพราะโดยธรรมชาติของการทำธุรกิจ ย่อมมีการถ่วงเวลา เพื่อนำเงินไปหมุนทำอย่างอื่นอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ควรหน่อมแน้มกับเรื่องที่เด็ดขาด เพราะหากไปอ่อนข้อให้คนผิด ประชาชนก็จะกล่าวหาว่ารัฐบาลเปิดช่องซูเอี๋ยให้กับไอทีวี เมื่อรัฐบาลเด็ดขาดแล้วก็สามารถยึดคืนสัมปทานกลับคืนมาเป็นของรัฐ แต่ทั้งนี้ บมจ.ไอทีวีก็จะต้องจ่ายหนี้กว่าแสนล้านที่ค้างจ่ายอยู่เต็มจำนวน"

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่ากระบวนการหลังการยึดคืน ไอทีวี สามารถไปฟ้องศาลแพ่งเพื่อให้ศาลตัดสินให้เป็นนิติบุคคลที่ล้มละลายได้หรือไม่ก็ไประดมทุนจากผู้ถือหุ้น ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ถือหุ้นจากไอทีวีหรือชินคอร์ป ไม่ใช่คนจน ทุกคนล้วนมีทรัพย์สินมากมายมหาศาลทั้งนั้น โดยเฉพาะกองทุนเทมาเซค ที่ขณะนี้เกือบจะเรียกว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่ปัญหาตอนนี้ไอทีวีไม่ยอมควักเงินแม้แต่บาทเดียว แต่กลับยื่นข้อเสนอเพื่อต่อรองและประวิงเวลา เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us