|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการหารือเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการกันเงินสำรอง 30% ที่มีต่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ข้อสรุปอย่างไม่เป็นทางการออกมาแล้วว่า ทาง ธปท.จะยังคงใช้มาตรการดังกล่าวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนอื่นๆ ต่อไป โดยไม่ได้ระบุเหตุผลกลับมาแต่อย่างใด โดยธปท.บอกเพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า ธปท.จะยังไม่ยกเลิกมาตรการดังกล่าว ในส่วนของเราก็ต้องหาทางออกเอาเอง ซึ่งปัจจุบันการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ มีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาวอยู่ในขณะที่ผู้ลงทุนเอง ถึงแม้ว่าเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติอาจจะไม่เข้ามาแล้วจากความไม่มั่นใจต่อมาตรการดังกล่าว แต่นักลงทุนในประเทศที่สนใจลงทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ยังมีอยู่ ทั้งรายย่อย และนักลงทุนสถาบันในประเทศ เช่น บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้น่าจะช่วยให้ตลาดสามารถขยายตัวต่อไปได้ แต่ก็คงไม่มาก เพราะแน่นอนว่าเงินลงทุนย่อมต่ำกว่าเงินลงทุนจากต่างชาติ
"สถานการณ์เป็นแบบนี้ เราก็ต้องปรับตัว และหาทางออกเอาเอง ถามว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังน่าสนใจอยู่ไหม แน่นอนว่าน่าสนใจทั้งในเรื่องของความเสี่ยงและผลตอบแทน ซึ่งเราเองหากจะดำเนินธุรกิจต่อไป ถึงแม้นักลงทุนต่างชาติจะไม่สนใจแล้ว ก็ต้องหาทางออกเอง"นายอดิศรกล่าว
ขณะเดียวกันในการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต่อจากนี้ คงต้องลดขนาดกองทุนให้เล็กลง ส่วนกองทุนขนาดใหญ่อาจจะไม่มีแล้ว ในส่วนของบลจ.ไทยพาณิชย์เองก็คงจะทยอยทำกองเล็กไปเรื่อยๆ ที่ละกองสองกอง เพื่อให้สามารถจัดตั้งกองทุนได้ง่ายขึ้น
นายอดิศรกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะระดมทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีกประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท จากกองทุนใหม่จำนวน 1-2 กองทุน รวมทั้งเพิ่มทุนโครงการสำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ที่มีมูลค่ากองทุนประมาณ 7,900 ล้านบาทในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ จะเป็นการเพิ่มทุนโดยนำสินทรัพย์ประเภทเซอร์วิส อพารต์เมนต์ และอาคารสำนักงานของบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินเดิม เข้ามา โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณช่วงไตรมาสที่สองถึงไตรมาสสามของปีนี้ นอกจากนี้
ในระยะยาวบริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มทุนโครงการสำหรับกองทุนดังกล่าวเป็น 20,000 ล้านบาทอีกด้วย
สำหรับแนวโน้มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นายอดิศรกล่าวว่า ในปีนี้จะเป็นปีที่การลงทุนหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก แต่จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวด้วยนั้น
เรามองว่าน่าจะเป็นจังหวะดีในการเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และลงทุนในระยะยาว ซึ่งในส่วนของราคาหุ้นเองก็มีโอกาสปรับตัวลงต่ำกว่าราคาพื้นฐานจากความไม่แน่นอนต่างๆ
ด้านนายชูเกียรติ ธิติหิรัญเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกองทุนสายงานการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า หุ้นที่น่าสนใจลงทุนในปีนี้ แนะนำให้เลือกหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง มีกระแสเงินสดดีและมีอัตราการจ่ายปันผลสูง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจมีทั้ง หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า จากการมีรายได้ที่แน่นอนและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงมีอัตราการจ่ายปันผลในระดับ 3-5% ขณะเดียวกันในปีนี้เอง
หุ้นกลุ่มดังกล่าวจะขยายตัวสูงจากการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าเพื่อขยายกำลังการผลิต
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มขนส่ง อาทิ บริษัททางด่วน กลุ่มอุตสากรรมซีเมนต์ กลุ่มบริษัทเช่าซื้อรถยนต์และกลุ่มโรงพยาบาล ก็เป็นหุ้นที่น่าสนใจอีกด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของบลจ.ไทยพาณิชย์เอง ช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังไม่มีการปรับพอร์ตการลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากการลงทุนของบริษัทมีการลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวอยู่แล้ว
ลุ้นธปท.ปลดล็อกพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ กรุงไทยเตรียมระดมเงิน2.6หมื่นล้าน
ขณะที่นายศรีภพ สารสาส กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) กล่าวยอมรับว่า แผนการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ของบริษัทได้รับผลกระทบจากการมาตรการสะกัดเก็งกำไรค่าเงินบาทของธปท.เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า ธปท.น่าจะผ่อนคลายกฎดังกล่าว เนื่องจากการลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เหมือนกับการเข้ามาลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างประเทศ ที่มีข้อจำกัดในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บลจ.กรุงไทยเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนประมาณ 5-7 กองทุน โดยในส่วนของ 5 กองทุนที่อยู่ในตารางเวลากับจัดจำหน่ายยังเป็นไปตามแผนปกติ โดยมียอดระดมเงินประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท
|
|
|
|
|