Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 มกราคม 2550
IAS39ซ้ำเติมหุ้นแบงก์-มูลค่าวูบ4หมื่นล.             
 


   
search resources

Stock Exchange




มาตรการ30% แบงก์ชาติยังไม่ทันจบเกณฑ์มาตรฐานบัญชี IAS39 เข้ามาซ้ำเติมหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พบ 1 เดือนที่ผ่านมามาร์เกตแคปหายเกือบ 4 แสนล้านบาทโดยทหารไทยรูดเยอะสุด 36% ตามมาด้วยไทยธนาคารร่วง 19.66% โบรกฯมองผลประกอบการแบงก์ปี 49 ร่วงตามคาด

แนะเก็บหุ้นกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ BBL KBANK SCB เหตุแนวโน้มจ่ายเงินปันผลสูง

กว่า 1 เดือนภายหลังการประกาศใช้มาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดกับตลาดหุ้นไทยทั้งในแง่ของการปรับตัวลดลงของดัชนีรวมถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศ ขณะที่กลุ่มหลักทรัพย์ที่ต้องรับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวโดยตรงส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นในกลุ่มที่มีมาร์เกตแคปขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ หรือธนาคารพาณิชย์

ทั้งนี้ แม้ว่าระยะเวลาจะผ่านมาแล้วกว่า 1 เดือนแต่แผลลึกที่ถูกฝังไว้กับตลาดหุ้นไทยยังไม่รักษาได้หายกลับต้องโดยปัจจัยลบเข้ามาซ้ำเติมเกณฑ์มาตรฐานบัญชี IAS39 ที่เริ่มใช้ทำให้ผลการดำเนินงานของธนาคารเกือบทุกบริษัทปรับตัวลดลงค่อนข้าง โดยหากพิจารณาการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากที่สุดกลุ่มหนึ่งจะพบว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตลาดราคาตลาด หรือ มาร์เกตแคป ของหุ้นในกลุ่ม 13 บริษัทโดยก่อนหน้าการประกาศใช้มาตรการของธปท.( 18 ธ.ค.49)มาร์เกตแคปอยู่ที่ 8.5 แสนล้านบาทแต่ล่าสุด (19 ม.ค.50) มาร์เกตแคปปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 8.09 แสนล้านบาท ปรับลดลงเกือบ 4 หมื่นล้านบาท หรือ 4.68%

ในส่วนของผลการดำเนินประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 พบว่า ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีกำไรสุทธิปรับตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2548 ซึ่งเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 56,118.02 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 94,433.52 ล้านบาท หรือลดลง 38,315.50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40.57%

สำหรับราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดระหว่างวันที่ (19 ธ.ค.49 - 19 ม.ค.50) ธนาคารทหารไทย หรือ TMB ราคาปิดที่ 1.88 บาท ลดลง 1.06 บาท หรือ 36.05%, ธนาคารไทยธนาคาร หรือ BT ราคาปิดที่ 4.78 บาท ลดลง 1.17 บาท หรือ 19.66%, ธนาคารนครหลวงไทย หรือ SCIB ราคาปิดที่ 16.60 บาท ลดลง 3.60 บาท หรือ 17.82%, ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB ราคาปิดที่ 11.90 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 14.38%, ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ราคาปิดที่ 60.50 บาท ลดลง 10 บาท หรือ 14.18%, ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ราคาปิดที่ 59 บาท ลดลง 8.5 บาท หรือ 12.59%, ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ราคาปิดที่ 110 บาท ลดลง 13 บาท หรือ 10.56%

นายปรเมศร์ ทองบัว นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปี 2549 ลดลงตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากต้องมีการตั้งสำรองหนี้สูญและจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งส่งผลกดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพปรับตัวลดลงด้วย

อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่มีความน่าสนใจเข้ามาทยอยลงทุน เช่น BBL โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 122 บาท, KBANK ให้ราคาเหมาะสมที่ 70 บาท และ SCB ให้ราคาเหมาะสมที่ 72 บาท

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ทีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มธนาคารแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ตามแนวโน้มทางเทคนิค ขณะที่ระยะยาวคาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง ซึ่งจะทำให้ได้รับประโยชน์จากการปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ผลประกอบการในปีนี้บริษัทคาดว่าจะเป็นไปตามการเติบโตของภาวะเศษฐกิจโดยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนเพราะจะยังต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับตัวเลขการประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในวันที่ 26 มกราคม 2550ก่อน

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในระยะยาวราคาหุ้น กลุ่มธนาคารพาณิชย์มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอาจจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่มีขนาดใหญ่จากปัจจัยหนุนในเรื่องแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน และ พฤษภาคม 2550

ทั้งนี้บล.ซิกโก้แนะนำซื้อหุ้นขนาดใหญ่ที่มีการจ่ายปันผลที่ดี เช่น BBL คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลงวดปี2549ที่ 1.80 บาทต่อหุ้น โดยประเมินราคาเหมาะสมที่ 138 บาท, KBANK คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.75 บาทต่อหุ้น ประเมินราคาเหมาะสมที่ 83 บาท และ SCB คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลที่ 1.50-2 บาทต่อหุ้น ประเมินราคาเหมาะสมที่ 73 บาท

ส่วนหุ้นที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุนเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง เกี่ยวกับตามเกณฑ์มาตรฐานบัญชีระหว่างประเทศ (IAS 39) เช่น ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TMB และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือKTB

สำหรับผลประกอบการในปี2550คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวได้อย่างต่อได้ เนื่องจากคาดว่าการขยายตัวของการปล่อยสินเชื่อจะเติบโตประมาณ 6-7% ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศจะเติบโตประมาณ 3.5-4.5% จากที่ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวและมีเสถียรภาพมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us