|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ยอมรับอยู่ระหว่างศึกษาย้ายไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจดีอัตราการเติบโตของภาคธุรกิจต่อเนื่อง เผยรวมตัวกับเพื่อนในวงการตั้งเป็นกองทุนส่วนบุคคลให้บลจ.ไอเอ็นจี บริหาร คาดสรุปเรื่องลงทุนได้ใน 2-3 ปีนี้
นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาที่จะไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศเวียดนาม เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตทั้งทางด้านธุรกิจและทางด้านตลาดทุนค่อนข้างมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การเข้าไปลงทุนจะเข้าไปในลักษณะการจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคลโดยได้รวมกลุ่มกับนักลงทุนอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจัดตั้งกองทุน โดยให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดูแลซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปเรื่องการลงทุนได้อย่างชัดเจนภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
สำหรับ เหตุผลสำคัญที่เป็นสาเหตุทำให้ต้องย้ายการลงทุนในไปยังต่างประเทศ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยค่อนข้างที่จะเป็นตลาดหุ้นที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยลบต่างๆเข้ามากระทบค่อนข้างจึงส่งผลกระทบต่อการลงทุนอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายเล็กและนักลงทุนรายใหญ่
"แม้ว่าตอนนี้ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มดีขึ้นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้เราจะต้องคิดที่จะหาการลงทุนรูปแบบใหม่ๆที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีเพิ่มขึ้น"นายสมพงษ์กล่าว
แหล่งข่าวนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า การย้ายการลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการหารือกันในระหว่างกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่หลายคนที่อยากจะไปลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน หรือเวียดนาม เนื่องจากหลายประเทศมีการเติบโตที่ดี ประกอบกับปัญหาในประเทศนั้นๆไม่มากเหมือนในประเทศไทย
ทั้งนี้ การลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่จะเป็นการร่วมกันจัดตั้งกองทุนโดยให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. เป็นผู้ดูแลแต่นโยบายการลงทุนจะถูกสั่งการโดยกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่เอง เพราะการจะไปลงทุนโดยตรงโดยที่ไม่ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนถือว่าเป็นเรื่องที่ยาก และมีขั้นตอนมากมายการลงทุนผ่านจึงเป็นทางเลี่ยงที่นักลงทุนยอมที่จะทำ
สำหรับแนวโน้มของการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ การศึกษาผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหุ้นนั้นๆถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญค่อนข้างมาก ทำให้กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่บางรายตั้งทีมงานของกลุ่มเพื่อตรวจสอบข้อมูลแทนนักวิเคราะห์และประเมินข้อมูลก่อนจะเสนอเข้ามาเพื่อให้มีการตัดสินอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีแนวโน้มการย้ายไปลงทุนในต่างประเทศค่อนข้างมากแต่นักลงทุนรายใหญ่บางรายก็เริ่มหันกลับมาทำธุรกิจที่ตนเองมีความถนัดมากขึ้น เช่น กรณีของนายชนะชัย ลีนะบรรจง นักลงทุนรายใหญ่ซึ่งเคยได้ชื่อว่ามีพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นนับพันล้านบาท ปัจจุบันก็หยุดการลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อไปทำธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์เนื่องจากไม่ต้องการรับรู้ความผันผวนของตลาดหุ้นไทย
|
|
|
|
|