Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 มกราคม 2550
บล.กสิกรฯตั้งเป้ามาร์เกตแชร์1.5%หวังเครือข่ายแบงก์เสริมรับเปิดเสรี             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย

   
search resources

รพี สุจริตกุล
Funds
กสิกรไทย, บล.




บล.กสิกรไทย มั่นในศักยภาพในฐานะบริษัทในเครือแบงก์พร้อมรับการเปิดเสรี "รพี" ระบุปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ยากของธุรกิจหลักทรัพย์เพราะต้องเจอกับปัญญาสารพัดเรื่อง ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าเท่าตัวจากปีที่ผ่านอยู่ที่ 3 พันบัญชี ขณะที่มาร์เกตแชร์ยังหวัง 1.5% โดยเน้นเจาะลูกค้าแบงก์-สถาบัน คาดเปิดครบ 10 สาขาได้ในปีนี้

นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2550 ว่า บล.กสิกรไทย ยังให้น้ำหนักในการเพิ่มจำนวนนักลงทุนที่มาจากลูกค้าธนาคาร รวมถึงการเพิ่มลูกค้าสถาบัน เนื่องจากที่ผ่านมาอัตราการเติบโตค่อนข้างดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการเติบโตของกองทุนต่างๆ ที่มีมูลค่ารวมกันมากกว่าล้านล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นการมุ่งพัฒนาบทวิเคราะห์ในเชิงลึกและเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยสามารถใช้ข้อมูลจากบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รวมถึงข้อมูลทางตลาดเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ปีนี้ถือเป็นปีที่ยากของธุรกิจหลักทรัพย์ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นการลอบวางระเบิด 8 จุดทั่วกรุงเทพ มาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทของธนาคารแหงประเทศไทย (ธปท.) เป็นต้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของตลาดทุนไม่ว่าจะเป็นการเปิดเสรีค่าคอมมิชชัน การเปิดเสรีใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ การยกเลิกการค้ำประกันเงินฝาก รวมถึงการเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์สามารถทำธุรกิจแบบครบวงจรได้ ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ต้องเร่งปรับตัว เร่งสร้างฐานลูกค้าเพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลงจากค่าคอมมิชชัน

สำหรับภาพรวมของบริษัทในปีนี้บริษัทคาดว่ามาร์เกตแชร์จะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.5-0.6% ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะเป็นรายได้จากหน้านายซื้อขายหลักทรัพย์ประมาณ 75% และจากด้านวาณิชธนกิจประมาณ 25% ส่วนจำนวนบัญชีลูกค้าบริษัทคาดว่าจะมีจำนวนบัญชีที่มาเปิดบริการเพิ่มขึ้น 100% จากปัจจุบันมีจำนวนบัญชีอยู่ที่ 3,000 บัญชี

นางณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการผู้จัดการ สายงานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ กล่าวว่า กลยุทธ์ในปีนี้บริษัทจะยังเน้นทั้งด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ (Quality of product) ซึ่งบริษัทถือว่าเป็นจุดแข็งมากไม่ว่าจะเป็นด้านบทวิเคราะห์ เพราะบริษัทมีทีมงานที่มีประสบการณ์และในวันที่ 15 ก.พ.นี้ บริษัทจะได้ทีมงานใหม่เข้ามาเพิ่มทำให้ทีมวิเคราะห์ของบริษัทครอบคลุมทุกเรื่อง

ส่วนของคุณภาพของการบริการ (Quality of service) บริษัทได้เชื่อมโยงระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งแบบผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดและผ่านอินเทอร์เน็ตมาอยู่ในบัญชีเดียวกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า รวมทั้งการให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ด้วยต้นทุนของบริษัทที่ต่ำกว่าคู่แข่งอื่นทำให้บริษัทสามารถผ่อนสินเชื่อโดยคิดดอกเบี้ยเพียง 5.75% ต่อปี

สำหรับกลุ่มลูกค้าสำคัญของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าธนาคารซึ่งบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ กลุ่ม Private Wealth Management ซึ่งมีเงินฝากมากกว่า 50 ล้านบาท ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 700 ราย และกลุ่ม Signature ซึ่งมีเงินฝากมากกว่า 5 ล้านบาทปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 15,000 ราย

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะพัฒนาเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทอย่างต่อเนื่องจากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 50 รายโดยในปีนี้คาดว่าจะรับเพิ่มอีกประมาณ 70 คนเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

นางณัฐรินทร์ กล่าวอีกว่า การบริหารงานภายใต้แนวคิด Universal Banking คือการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าครอบคลุมทุกด้าน โดยลูกค้าสามารถเข้ามาใช้บริการต่างๆของบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยได้ผ่าน Cyber Branch ซึ่งอยู่ภายในสาขาของธนาคารกสิกรไทย โดยภายในไตรมาส 1/50 จะเปิดให้บริการในสาขาเยาวราชและรัดาภิเษก-ห้วยขวาง และคาดว่าจะเปิดให้ครบ 10 สาขาภายในสิ้นปีนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us