เพอร์นอต ริคาร์ด ระบุตลาดเหล้านอก-ไทยปีนี้หดตัว 5% เศรษฐกิจพ่นพิษ คอทองแดงหมดอารมณ์ดื่ม กรมสรรพสามิตเล็งปรับโครงสร้างภาษี ระบุแอดมิกซ์กระทบสุด 3-4 ปีสูญหายจากตลาด เพอร์นอต ริคาร์ด อัดฉีด 1,300 ล้านบาท โฟกัสแบรนด์เรือธงฮันเดรดฯ จัดกิจกรรมบุกเฉพาะพื้นที่ ส่งไซซ์ซิ่งขนาด 50 มล. ลงตลาดชูราคาถูกกว่ารุ่นปกติ 81 บาท สิ้นปีหวังรักษาแชร์ 80% รั้งบัลลังก์ผู้นำตลาดสแตนดาร์ด
นายซีริล เลอกรองด์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด ประเทศไทย จำกัด ผู้นำเข้าเหล้าฮันเดรด ไพเพอร์ส ,ชีวาส ฯลฯ เปิดเผยว่า ภาวะตลาดวิสกี้นำเข้าและเหล้าไทยปีนี้คาดว่าจะหดตัวลง 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดหดตัวลง 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ออกมาเที่ยวนอกบ้านหรือดื่มเหล้า อีกทั้งผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย และยังมีปัจจัยลบด้านในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประกอบด้วย แนวทางการห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมง และการปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่จากทางกรมสรรพสามิต
สำหรับภาวะตลาดวิสกี้นำเข้า คาดว่าเซกเมนต์แอดมิกซ์ตัวเลขในเชิงปริมาณ 25% จากตลาดรวม จะเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมื่อเดือนตุลาคม 2548 เนื่องจากมีราคาใกล้เคียงกับเหล้าไทย ผู้บริโภคจึงเปลี่ยนไปดื่มเหล้าไทย โดยประมาณการณ์ว่าแอดมิกซ์ปีนี้จะหดตัวลงอีก 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาภาวะตลาดหดตัวลง 60% ทั้งนี้คาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้านี้ เซกเมนต์นี้จะสูญหายจากตลาด โดยปัจจุบันในตลาดนี้ มาสเตอร์เบลนมีส่วนแบ่งตลาด 40% คราวน์ 40%
ส่วนตลาดเหล้าไทยหลังจากการที่มีปรับภาษีหดตัวลง 5% จากนั้นอีก 3 เดือนตลาดก็ฟื้นตัวกระทั่งมีอัตราการเติบโต 5% ส่วนเหล้าเซกเมนต์สแตนดาร์ดนำเข้าสัดส่วนในเชิงปริมาณ 45% จากตลาดรวม ในปีที่ผ่านมาตลาดหดตัวลง 20% พรีเมียมนำเข้าสัดส่วน 55% และเซกันดารี่นำเข้า 65% อย่างไรก็ตามในช่วง 6 เดือนแรก(รอบบัญชีเดือนกรกฎาคม-มิถุนายน) ฮันเดรดฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 80% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดวิสกี้เซกเมนต์สแตนดาร์ด แม้ว่าอัตราการเติบโตลดลง 10% ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ ยอดขายหดตัวลงน้อยกว่าตลาด ซึ่งตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ แม้ว่าคู่แข่งจะรุกตลาดทั้งจัดโปรโมชั่นและภาพยนตร์โฆษณาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผลประกอบการทั้งปีคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับงบการตลาดปีนี้บริษัททุ่ม 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็น ฮันเดรดฯ 1,000 ล้านบาท และอีก 300ล้านบาท เป็นชีวาส รีกัล ทั้งนี้การทำตลาดฮันเดรดฯ บริษัทจะมุ่งเน้นจัดกิจกรรมเฉพาะภูมิภาคมากขึ้น จากที่ผ่านมาเน้นจัดกิจกรรมในวงกว้างมากกว่า ล่าสุดได้เตรียมจัดมหกรรมร็อคคอนเสิร์ต นำ 6 วงได้แก่ แคลช ,เอนโดฟิน,โมเดิร์นด็อก, สล็อตแมชีน, พาราด็อกซ์ และเบิร์น นำร่อง จ.เชียงใหม่แห่งแรก เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีส่วนแบ่ง 15% จากส่วนแบ่งแบรนด์โดยรวม 80% โดยคอนเสิร์ตจะจัดขึ้นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นี้ โดยผู้เข้าจะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป
นายเลอกรองด์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯวิตกกังวลภาวะเศรษฐกิจมากที่สุด ดังนั้นจึงได้นำกลยุทธ์ไซซ์ซิ่งมาใช้ เนื่องจากกำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง ไซซ์ซิ่งจะทำให้การตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น โดยบริษัทฯได้เปิดตัวฮันเดรดฯ ขนาด 50 มิลลิลิตร โดยจำหน่ายราคา 249 บาท จากรุ่นปกติ 70 มิลลิลิตร ราคา 330 บาท วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นแห่งเดียวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังรอดูผลการตอบรับรวมทั้งการเข้าไปแย่งยอดขายจากรุ่นปกติมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทฯวางแผนที่จะขยายไปยังช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติม
“ปีนี้สถานการณ์ไม่แน่นอนโดยเฉพาะแนวทางการห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมง ดังนั้นบริษัทฯจึงเน้นการปรับตัวตามสถานการณ์ตลาด โดยได้เตรียมแผนการตลาดไว้ 2 แนวทาง คือ ในกรณีที่การห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลบังคับใช้ งบส่วนการตลาดส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรไปทำบีโลว์เดอะไลน์ตามสถานบันเทิงในช่วงกลางคืนมากกว่าอะโบฟเดอะไลน์ ส่วนหากแนวทางห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง ไม่มีผลบังคับ บริษัทฯจะซื้อสื่อตามปกติ แต่จะไม่ทำตลาดหรือสื่อสารเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 20 ปี ส่วนกรณีหากมีการปรับภาษีขึ้น การปรับราคาสินค้าขึ้นจะยึดหลักตามภาษีที่เพิ่มขึ้น เพื่อไม่ผลักดันภาระให้กับกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากในสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ราคามีผลต่อการตัดสินใจซื้อ”
|