Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 มกราคม 2550
อาร์เอสเลื่อนอีเวนท์รุกคอนเทนต์             
 


   
www resources

โฮมเพจ อาร์.เอส. โปรโมชั่น

   
search resources

อาร์เอส, บมจ.
สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์
News & Media




นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในภาพรวมไตรมาสแรกปีนี้คาดว่า คงจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การลอบวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯรวมทั้งปัญหาด้านการเมืองด้วย ภาวะเช่นนี้จะกระทบกับความเชื่อมั่นในตัวผู้บริโภคและลูกค้าทั่วไป ที่จะชะลอการใช้จ่าย การซื้องบโฆษณา และการลงทุน ซึ่งเป็นผลกระทบทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะอาร์เอสเท่านั้น

ในส่วนของบริษัทฯก็ได้รับผลกระทบบ้าง โดยเฉพาะโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับธุรกิจอีเว้นท์ที่เตรียมเอาไว้ ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากอยู่ในช่วงที่ไม่เหมาะสม เช่น กิจกรรมแอดเวนเจอร์เรซ (การแข่งขันทางด้านกีฬาต่างๆ) ซึ่งมีการเชิญผู้สนใจจากต่างประเทศเข้าร่วมแข่งขันด้วย เดิมกำหนดจัดช่วงเดือนมกราคมนี้คงต้องเลื่อนออกไปประมาณมีนาคม หรือกิจกรรมประกวดชิงแชมป์พลุโลก ซึ่งเดิมจะจัดปลายปีที่แล้ว แต่ได้เลื่อนออกไปก่อน รวมทั้งแคมเปญบางอย่างก็เลื่อนออกไปด้วย

อย่างไรก็ตาม การเลื่อนกิจกรรมต่างๆนั้นไม่ได้กระทบกับรายได้ของบริษัทฯแต่อย่างใด เพราะทุกอย่างยังจัดเหมือนเดิม เพียงแต่ชะลอและเลื่อนออกไปเท่านั้น โดยงบที่ใช้คร่าวๆกับกิจกรรมที่เลื่อนออกไปนั้นประมาณ 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันในปีนี้ก็มีแผนที่เกี่ยวกับอีเว้นท์ต่างๆแล้วหลายงานเพียงแต่อยู่ระหว่างการกำหนดช่วงเวลาแสดงที่แน่นอนเท่านั้น

นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทฯจะยังไม่มีการขยายธุรกิจอะไรใหญ่ๆเพิ่มมากขึ้นเหมือนที่ผ่านมา แต่จะเน้นการพัฒนาธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้วให้แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งการสานต่อโครงการใหม่ที่เริ่มปีที่แล้วให้ชัดเจนขึ้น นอกจากนั้นปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทฯได้ปรับโพซิชันนิ่งหรือรีแบรนด์องค์กรและโลโก้ใหม่จากเดิมเป็นบริษัทค่ายเพลง มาเป็นผู้ผลิตและผู้บริหารคอนเทนต์บันเทิง ที่เรียกว่า Entertainment Content Provider ส่วนโลโก้เป็นรูปหยดน้ำ

โดยโมเดลธุรกิจในปี 2550 นี้ประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก คือ 1.กลุ่มคอนเทนท์ คือ การเป็นผู้ผลิตและบริหารคอนเทนต์ทางด้านบันเทิงและกีฬา ประกอบด้วยธุรกิจสายต่างๆคือ อาร์เอสมิวสิค, อาร์เอสสปอร์ต, อาร์เอสโชว์บิซ, อาร์เอสฟิล์ม, อาร์เอสดิจิตอล 2.กลุ่มมัลติมีเดียคือ การเป็นผู้ให้บริการมัลติมีเดียครบวงจร ประกอบด้วยธุรกิจ อาร์เอสเทเลวิชั่น, อาร์เอสเรดิโอ, อาร์เอสพับลิชชิ่ง

ในปีที่แล้วสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มคอนเทนต์ประมาณ 60% (แบ่งเป็น เพลง 30%, โชว์บิซ 17%, อีเว้นท์ 8%, ที่เหลือเป็นดิจิตอล) และมาจากกลุ่มมัลติมีเดีย 40% (แบ่งเป็น ทีวี สัดส่วน 50% วิทยุ 35% และสิ่งพิมพ์ 15%)

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนไป โดยจะเป็น กลุ่มคอนเทนต์เพิ่มขึ้นมาเป็น 75% ส่วนกลุ่มมัลติมีเดียลดลงเหลือ 25% เนื่องจากว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้คอนเทนต์มีส่วนแบ่งมากขึ้นคือ ธุรกิจดิจิตอลเติบโต 60% และธุรกิจโชว์บิสเติบโต 70% และกลุ่มนี้มีอัตรากำไรขั้นต้น 40% เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีมาร์จิ้น 30% ส่วนสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจมัลติมีเดียมีสัดส่วนลดลงเพราะ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ธุรกิจทางด้านรายการโทรทัศน์มีการเปลี่ยนแปลงไปมากโดยรายการทางทีวีของบริษัทฯปีนี้มีรวมลดลงไปมากเหลือประมาณ 12-13 รายการเท่านั้นจากทุกช่อง ขณะที่ปีที่แล้วมีมากถึง 20 กว่ารายการ โดยเฉพาะรายการที่ออกอากาศทางช่อง 5 ของบริษัทฯกล่าวได้ว่าหลุกแทบยกแผงเลยทีเดียว

โดยในปีที่แล้วรายได้ของธุรกิจมีเดียนั้นแบ่งเป็นดังนี้ ทีวี รายได้ประมาณ 600 กว่าล้านบาท วิทยุประมาณ 380 กว่าล้านบาท และสิ่งพิมพ์ประมาณ 100 กว่าล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้รายได้จากทีวีจะเหลือประมาณ 300 กว่าล้านบาท

“ธุรกิจที่เราทำอยู่นี้ ในส่วนของคอนเทนต์เราสามารถควบคุมได้ เพราะเป็นผลงานของเราเอง แต่ในส่วนของมีเดียหรือสื่อนั้น โดยเฉพาะ สื่อทีวีและวิทยุ นั้นลำบากกว่า เพราะเป็นเรื่องของสัญญาสัมปทาน มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เราควบคุมไม่ได้ แต่ปีนี้ วิทยุเรายังคงมีครบ 3 คลื่นเหมือนเดิม”

ขณะที่ธุรกิจภาพยนตร์โรงหนังนั้น ปีนี้ได้ปรับโมเดลใหม่ โดยจะลงทุนสร้างหนังแต่ละเรื่องด้วยงบประมาณไม่เกิน 20 ล้านบาท และทุกเรื่องจะต้องมีกำไร โดยไม่เน้นปริมาณของหนังแต่เน้นคุณภาพและความมั่นใจมากกว่า พร้อมทั้งการทำธุรกิจต่อเนื่อง โดยปีนี้จะมีปริมาณหนับประมาณ 6 เรื่อง ซึ่งปีที่แล้ว บริษัทฯเริ่มโมเดลนี้และประสบความสำเร็จทั้งสามเรื่องคือ รักจัง ผีคนเป็น แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า ส่วนธุรกิจสิ่งพิมพ์ วางเป้าหมายว่าปีนี้น่าจะมีกำไรบ้างแล้ว ส่วนด้านธุรกิจกีฬานั้นโดยเฉพาะลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก อยู่ระหว่างการวางแผนทางธุรกิจ คาดว่าแต่ละทัวร์นาเม้นท์จะทำรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท

นายสุรชัยกล่าวว่า ด้วยแผนการดำเนินงานรูปแบบใหม่นี้ บริษัทฯคาดว่าปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปี 2549 ประมาณ 15% ที่มีรายได้ รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยจากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 3,200 ล้านบาท ขณะที่ปี 2548 นั้นรายได้เติบโตขึ้น 11% เมื่อเทียบกับรายได้ในปี 2548 ที่ทำได้ 2,700 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us