คนเอเซียในปารีสจะมีคำพูดติดปากอยู่ประโยคหนึ่งว่า ON TROUVE TOUT CHEZ
LES TANG" ซึ่งมีความหมายทำนองว่า "สรรพสิ่งพร้อมสรรพที่ 'ตอง
ซุปเปอร์มาร์เก็ต'" ไม่ว่าจะเป็นปลาตะเพียนสด ๆ จากไทย ปลาทั้งที่ตากแห้งและแช่แข็งจากฮ่องกง
เนื้อห่อใบตองจากเวียดนาม รวมทั้งมะม่วง และเครื่องเซ่นไหว้บูชาตามธรรมเนียมตะวันออก
"เราขายสินค้าที่มักจะไม่ค่อยพบเห็นในซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่"
บูมี รัตนวัน กล่าว บูมีวัย 41 กับพี่ชายบูวัย 59 เป็นเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ต
"ตอง ฟีเออร์" (TANG FRERES) 5 แห่ง ร้านอาหารอีก 8 ร้าน รวมทั้งธุรกิจอิมปอร์ต
เอ็กซ์ปอร์ตอีกหลายแห่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ตของพี่น้องคู่นี้ดำเนินธุรกิจด้วยนโยบายตอบสนองความต้องการของชุมชนเอเซียในฝรั่งเศส
ซึ่งโหยหารสชาติอาหารประจำชาติ
ตรัง เหงียน วัน นักข่าวเวียดนามได้รับคำแนะนำให้รู้จัก ตอง ฟีเออร์ ตอนที่มาถึงฝรั่งเศสใหม่
ๆ เล่าว่า "ผมมองหาร้านที่จะซื้อข้าวเวียดนามและเปาะเปี๊ยะญวน ตอนที่มาถึงปารีสครั้งแรก
มีคนแนะนำให้ไปซื้อที่ตอง ฟีเออร์ การได้ลงมือทำอาหารเวียดนามกินเอง เป็นเรื่องที่มีความหมายสำหรับผมมาก"
พนักงานในร้านส่วนใหญ่พูดภาษาจีน ไม่ว่าจะเป็นโอเปอเรเตอร์จนถึงแคชเชียร์
ซึ่งเป็นความสะดวกของคนจีนลูกค้ารายใหญ่ของที่นี่ ร้านตองฟีเออร์ที่ใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ที่ย่านท่าเรือปอร์ต
เดอ ชัวซี ประกอบด้วยซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร คลังสินค้าแบบขายส่งที่ขายสินค้าให้กับร้านอาหาร
รวมทั้งสถานีรถไฟที่ตอง ฟีเออร์คุยว่าเป็นสถานีรถไฟส่วนตัวที่เช่ามาจากบริษัทรถไฟฝรั่งเศสชื่อ
SNCF เพื่อขนส่งข้าวสารจากเมืองชายฝั่งทะเลชื่อเลอ ฮาฟร์
ในปี 1992 ตอล ฟีเออร์มียอดขายมากกว่า 125 ล้านเหรียญสหรัฐ เปรียบเทียบกับเมื่อปี
1990 ซึ่งมียอดขายเพียง 80 ล้านเหรียญ และในปี 1992 นั้นเอง นิตยสาร นูเวล
อิโคโนมิสต์ได้จัดอันดับ 500 บริษัทชั้นนำของฝรั่งเศส โดยตอง ฟีเออร์ติด
1 ใน 150 อันดับแรก นิตยสารเล่มนี้พูดถึงความเติบโตของบริษัทว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก
ตระกูลรัตนวันมีเส้นทางเดินที่ยาวไกล ในทศวรรษ 1960 ครอบครัวนี้พร้อมลูกอีก
11 คน ซึ่งมีรากฐานเดิมอยู่ที่ซัวเถา ทางตะวันออกของกวางตุ้ง ติดกลุ่มคนที่รวยที่สุดในลาว
ตระกูลรัตนวันหรือสกุลเดิมคือ แซ่ตั้ง ได้ลงทุนมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐเกี่ยวกับกิจการโรงเลื่อยในลาว
ซึ่งโรงเลื่อยแห่งนี้ต่อมาก็เป็นกิจการที่ใหญ่ที่สุด โดยมีคนงานมากถึง 350
คน
ในปี 1971 บูมีถูกส่งตัวไปเรียนที่ฝรั่งเศส และหลังจากนั้นไม่นาน เรื่องไม่ดีก็เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้
เนื่องจากการจบสิ้นของสงครามเวียดนาม และการเข้าครอบครองลาวของคอมมิวนิสต์
ทำให้แผนการตั้งหลักปักฐานในลาวต้องล้มเลิกไป ในปี 1976 กิจการของตระกูลตั้งก็ได้ยกให้คอมมิวนิสต์ที่เข้ามาปกครองในลาว
พี่น้องในตระกูลได้แยกย้ายกันไปอยู่ในออสเตรเลีย ส่วนที่เหลือก็ไปอยู่กับบูมีที่ฝรั่งเศส
พี่น้องตระกูลรัตนวันเปิดตอง ฟีเออร์ (ฟีเออร์ แปลว่า พี่น้อง) ครั้งแรกในปี
1976 ด้วยเงินลงทุน 178,000 เหรียญสหรัฐที่ได้มาจากกิจการโรงเลื่อย โดยใช้อพาร์ทเม้นท์ที่เช่ามาเป็นที่ตั้ง
และเป็นจังหวะที่ดีมากที่ทั้งสองตัดสินใจลงทุนในตอนนั้น ในปี 1990 มีประชาชน
246,700 คนจากเอเชียอาคเนย์อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส ในจำนวนนี้ 15,000 คนมาจากจีนแผ่นดินใหญ่
ณ วันนี้ ตอง ฟีเออร์ เป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าจากเอเชียชั้นนำในยุโรปมีพนักงาน
460 คน ส่วนใหญ่จะเป็นเอเชีย ที่เหลือเป็นฝรั่งเศสและอาฟริกัน
พี่น้องรัตนวันมีมติประจำใจว่า "เงินกวักมือเรียกอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คือบ้าน"
แม้ว่าจะประสบความสำเร็จมากก็ตาม วิถีชีวิตของทั้งคู่ยังเหมือนเดิม พวกเขายังอาศัยในอพาร์ทเมนท์ธรรมดา
ๆ ในไชน่าทาวน์ ชานเมืองปารีสซึ่งเป็นที่พักของประชากรกว่า 30,000 คน ซึ่ง
80% เป็นคนจีน
บูมีบอกว่า การรักษาความผูกพันทั้งกับทางยุโรปและเอเซีย เป็นผลดีต่อธุรกิจของเขาเป็นอย่างมาก
"พ่อแม่ของเราได้รับวัฒนธรรมของฝรั่งเศสเมื่อครั้งที่อยู่ในลาว และลูกหลานอย่างเราก็สามารถซึมซับได้ดีกว่า"
ด้วยรากเหง้าและสายสัมพันธ์กับคนจีนในยุโรป บูมีกล่าวว่า "เมื่อตระกูลตั้งพูดอะไรออกไป
คนจีนส่วนใหญ่ก็มักจะเชื่อถือ"
ที่จริงแล้ว พี่น้องคู่นี้เป็นสมาชิกระดับนำขององค์กรชาวจีนในฝรั่งเศสชื่อ
INTEGRATION OF THE CHINESE COMMUNITY IN FRANCE พี่น้องรัตนวันซึ่งปกติเป็นคนพูดน้อย
แต่เมื่อถึงคราวต้องปกป้องผลประโยชน์ของคนจีนด้วยกัน พวกเขาก็กำหมัดลุกขึ้นพูดได้อย่างฉาดฉาน
แต่บูมีปฏิเสธคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาและพี่ชายเป็นแค่พ่อค้าจีนในฝรั่งเศส
ซึ่งคำวิจารณ์นี้เป็นการต่อต้านความพยายามที่จะขยายธุรกิจออกไปนอกปารีสเป็นครั้งแรกของพวกเขา
"ตรงกันข้ามกับที่คนจำนวนมากคิด เราไม่ได้ทำเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคนเอเซียเท่านั้น
แต่ยังมีโครงการอีกหลาย ๆ โครงการสำหรับประเทศฝรั่งเศสที่อยู่ในหัวของเรา
แม้แต่ตอนนี้ เราได้ส่งสินค้าฝรั่งเศสไปขายที่จีนมูลค่ามากกว่า 100 ล้านฟรังซ์
(17.8 ล้านเหรียญสหรัฐ) และเราหวังว่าจะส่งออกไปมากกว่านี้อีก" บูมีกล่าว
เขาเชื่อว่าความเป็นคนสองวัฒนธรรม จะช่วยให้ ธุรกิจของเขาเล่นบทที่ฝรั่งเศสกำลังต้องการได้
"ความรู้ของเราเกี่ยวกับประเทศจีนจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจฝรั่งเศส ซึ่งอาจจะมาร่วมกับเราพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนได้"
บูมีเสริม ปัจจุบันตอง ฟีเออร์ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะส่งอุปกรณ์เกี่ยวกับการเอกซเรย์ฟันของบริษัทฝรั่งเศสชื่อ
โทรฟี่ ไปขายที่จีน ส่วนแผนการในอนาคต บูมีกล่าวว่าเขาจะเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตและช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าทั่วยุโรป
ดูเหมือนว่าพี่น้องรัตนวันจะลงหลักปักฐานอยู่ที่ปารีสเป็นแน่ และในที่สุดตระกูลตั้งก็อาจจะพบที่พักพิงถาวร
หลังจากที่ต้องผ่านการอพยพข้ามประเทศมาถึงสองครั้งสองครา