Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 มกราคม 2550
ไมด้าฯมั่นใจรายได้โตไม่ต่ำกว่า10%             
 


   
search resources

ไมด้า ลิสซิ่ง, บมจ.
ธีรวัฒน์ เกียรติสมภพ
Leasing




ไมด้า ลิสซิ่ง ยันธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบในประเทศ มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10% ผู้บริหารเชื่อแนวโน้มการกู้เพื่อซื้อรถยนต์ยังสูงต่อเนื่องเพราะความต้องการใช้ยังมีอีกมาก เน้นปล่อยกู้รถยนต์มือสองให้กับลูกค้าในต่างจังหวัดเป็นหลักเหตุกำไรค่อนข้างสูง เผยปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันกระทบต่อยอดซื้อรถมากที่สุด

นายธีรวัฒน์ เกียรติสมภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไมด้า ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ML กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 10% ซึ่งอาจจะเป็นสัดส่วนที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับหลายๆปีที่ผ่านมา เพราะหลังเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจไทยเมื่อปี 2540 อัตราการเติบโตในธุรกิจเช่าชื่อรถยนต์มีอัตราการเติบโตในระดับสูงมาโดยตลอด

ทั้งนี้ ยอดการซื้อรถยนต์ใหม่ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 7 แสนคันขณะที่ในปีนี้คาดว่ายอดการซื้อในส่วนของรถยนต์มือหนึ่งน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการซื้อขายรถยนต์มือสองจากช่วงอดีตที่ผ่านมาที่จะมียอดการซื้อขายสูงกว่ารถยนต์มือหนึ่งประมาณ 2 เท่าตัวโดยในปีนี้คาดว่ายอดการซื้อขายรถยนต์มือสองน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านคัน

สำหรับการแข่งขันของธุรกิจรถยนต์มือสองในปัจจุบันถือว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงมาก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทสามารถปรับตัวเพิ่มรองรับการแข่งขันที่รุนแรงได้เนื่องจากสิ่งที่สำคัญในธุรกิจนี้ คือ บุคลากรของบริษัทที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจทั้งในส่วนของรถยนต์และลูกค้า

ในส่วนของปัจจัยเลี่ยงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันต่อธุรกิจเช่าซื้อโดยเฉพาะรถยนต์ สิ่งสำคัญคือ ราคาน้ำมันซึ่งหากปรับตัวสูงขึ้นยอดการซื้อรถยนต์ทั้งมือหนึ่งและมืสองก็จะปรับตัวลดลง รวมถึงเรื่องอัตราดอกเบี้ยเพราะหากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นก็จะทำให้ลูกค้าอาจจะชะลอการตัดสินใจที่จะซื้อบ้าง ขณะที่ในเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเรื่องดังกล่าวไม่ถือว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทแต่อาจจะกระทบต่อการตัดสินของลูกค้าบ้าง

นอกจากนี้ ในอดีตที่ผ่านมาความเสี่ยงของธุรกิจมักจะมากขึ้นหากช่วงเวลานั้นๆเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงขาลง เพราะว่าความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนจะลดลง ซึ่งทำให้เรามีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับกับความเสี่ยงโดยเฉพาะการตรวจสอบในเรื่องระบบเครติตของลูกค้าก่อนที่จะอนุมัติให้กู้

"เราไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัจจัยลบต่างๆ เพราะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากความต้องการใช้รถยังมีอยู่อีกมาก แต่สิ่งที่เราถือว่าเป็นผลกระทบต่อเราโดยตรงคือราคาของน้ำมันซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหากเพิ่มขึ้นลูกค้าเราต้องคิดมากขึ้นในการซื้อรถ"นายธีรวัฒน์ กล่าว

นายธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่าปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์โดยมากกว่า 90% เป็นรถกระบะซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในต่างจังหวัด ขณะที่อีก 10% เป็นรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถแทกซี่ที่อยู่ในกรุงเทพซึ่งทำให้ความเสี่ยงของบริษัทจากการปล่อยสินเชื่อลดลงเนื่องจากรถยนต์ที่บริษัทปล่อยกู้นั้นเป็นรถยนต์ที่จะนำไปใช้เพื่อประกอบอาชีพมากกว่าการซื้อเพิ่มเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

ทั้งนี้ ปัจจุบันทั่วประเทศบริษัทมีสาขาอยู่ 13 สาขา โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มประชาชนในต่างจังหวัดมากกว่าในกรุงเทพ เพราะความต้องการซื้อรถยนต์มือสองในต่างจังหวัดยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us