กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ “นวลิสซิ่ง” หันเอาดีธุรกิจอสังหาฯ เปิดแบรนด์ใหม่ “เปรมสิริ” ตั้งเป้าติด 1 ใน 10 ภายใน 3-5 ปี ประเดิมโครงการแรก เปรมสิริ บูติค พาร์ค ตั้งเป้ายอดขายปี 50 กว่า 700 ล้านบาท
นายสมชัย พันธ์สายเชื้อ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เปรมสิริ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท นวลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตนได้ขยายธุรกิจธุรกิจเข้ามาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่ดี อีกทั้งยังมีผลตอบแทนสูงความเสี่ยงน้อย ดังนั้นจึงได้ลงทุนส่วนตัวเปิดบริษัท “เปรมสิริ” ขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท
"ยอมรับว่าการเข้าสู่ธุรกิจอสังหาฯ เพราะผลตอบแทนการลงทุนดี โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ในส่วนของบริษัทนั้นมีผลกำไรสุทธิที่ 20% และบริษัทตั้งเป้าที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 3 ปี โดยอนาคตจะลงทุนทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม เชื่อว่าบริษัทสามารถอยู่ได้ในระยะยาว เพราะมีทุนการเงินที่แข็งแรง ขณะเดียวกันบริษัทก็สามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายเก่าในตลาดได้ เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงิน อีกทั้งมีพันธมิตรทางธุรกิจการค้าที่ดี แม้ว่าในปัจจุบันจะมีอุปสรรคทางด้านการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจบ้าง แต่เมื่อสามารถผ่านปี 2540 และปี 2549 มาได้ก็น่าจะผ่านปี 2550 ไม่ยาก" นายสมชัยกล่าว
สำหรับโครงการแรกของบริษัทเป็นคอนโดมิเนียมเปรมสิริ บูติค พาร์ค มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท บนเนื้อที่ 7 ไร่เศษ ห่าง 4 แยกเกษตรประมาณ 600 เมตร ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมสูง 22 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 280 ยูนิต และ 9 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 554 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันในส่วนของอาคาร 9 ชั้น อาคารเอและบี ปิดการขายแล้วและอาคารเอ จะเตรียมโอนห้องชุดให้ลูกค้าในเดือนพ.ค.นี้ ส่วนอาคารบี จะส่งมอบอีก 4 เดือนถัดไป ขณะที่ในกลางเดือนม.ค.นี้ เตรียมเปิดการขายอาคารซีและดีในขนาดห้องชุดตั้งแต่ 26.5 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องชุดขนาดมาตรฐาน ราคาเริ่มต้น 8.89 แสนบาท – 2 ล้านบาท โดยโปรโมชันในช่วงแรกแถมเครื่องปรับอากาศและเฟอร์นิเจอร์ครัวโมเดิร์นฟอร์ม รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท
ล่าสุดโครงการดังกล่าว มียอดขายอาคารแรก100% และ 2 อาคาร 90% หรือประมาณ 270 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามีผู้ซื้อกว่า 20%เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนหรือเพื่อปล่อยเช่า เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนประมาณ 7-8% เพราะในย่านนี้ราคาเช่าห้องพักประมาณ 6,000-8,000 บาท ขณะที่ราคาผ่อนห้องชุดในโครงการเพียง 5,000-6,000 บาท/เดือน ในระยะเวลาผ่อน 30 ปี อีกทั้งโครงการยังตั้งอยู่ใกล้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำให้มีลูกค้ากลุ่มนักเรียน ,นักศึกษา และอาจารย์มาซื้อจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จากการขายที่ผ่านมาพบว่า มีการเปลี่ยนสัญญาค่อนข้างน้อยมากไม่ถึง 2% เนื่องจากบริษัทเข้มงวดในการเปลี่ยน เพื่อป้องกันการเก็งกำไร โดยจะคิดค่าเปลี่ยนสัญญา 20,000-50,000 บาท
สำหรับแผนการพัฒนาภายปีนี้ บริษัทเตรียมพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวย่านปทุมธานี บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ จำนวนกว่า 300 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700-800 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดโครงการได้ประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังมีที่ดินในย่านนนทบุรี โดยคาดว่าจะเปิดเป็นคอนโดมิเนียม ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาบริษัททำธุรกิจตัวแทนขายรถยนต์ทั้งฮอนด้า นิสสันและฟอร์ด ขณะเดียวกันก็มีการทำธุรกิจลิสซิ่งรถยนต์ด้วย โดยมีบริษัทในเครือรวม 11 บริษัท มียอดขายในแต่ละปีที่ 3,000 ล้านบาท และภายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะต้องมีรายได้มากกว่าธุรกิจลิสชิ่ง และบริษัทมีแผนที่จะสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักของลูกค้าภายใน 3 ปี นอกจากนี้ บริษัทในเครือ คือ สยามนิสสัน อินเตอร์เทรด ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารสำนักงานบนเนื้อที่ 3 ไร่ พื้นที่ให้เช่า 14,000 ตร.ม.มูลค่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเร็วนี้ โดยผู้เช่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัทในเครือ
|