|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สหพัฒน์ ผวาปัญหาการเมืองส่อเค้าลากยาวฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคหด ชงนโยบายไม่ทำแบรนด์ใหม่ เน้นต่อยอดสินค้าเดิม อัดโปรโมชั่นเฉพาะพื้นที่หนัก ควานหาพันธมิตรรับจัดจำหน่ายสินค้าเสริมรายได้ สิ้นปีตั้งเป้าโต 15% โกยรายได้ 1.7-1.9 หมื่นล้านบาท
นายประพจน์ นันทวัฒน์ศิริ กรรมการและผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ปีนี้การทำตลาดต้องทำงานหนักมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ของประเทศไทยไม่ดีมากนัก โดยเฉพาะปัญหาทางด้านการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความวิตกให้กับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งไปปีนี้ก็ตาม แต่เชื่อว่าสถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ขณะที่กำลังการซื้อของผู้บริโภคปีนี้มองว่าไม่ดีมากนัก โดยเฉพาะกรณีเกิดเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงเทพฯ ในช่วงวันเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี กระทบความเชื่อมั่นและบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ประมาณการณ์ว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยจะฟื้นตัวในปีหน้ามากกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทไม่ได้กังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจมากนัก เพราะเชื่อว่าจะอยู่ในภาวะที่ทรงตัว แต่วิตกปัญหาทางด้านการเมืองมากกว่า โดยปีนี้บริษัทไม่มีแนวทางที่จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากพบว่าหลังจากคู่แข่งที่อยู่ตลาด ยกตัวอย่าง ผงซักฟอกได้ปรับราคาขึ้น ผู้บริโภคไปซื้อสินค้าแบรนด์อื่นทันที ล่าสุดผงซักฟอกที่ปรับราคาขึ้น ก็ได้ปรับราคาลงแล้ว
สำหรับปีนี้การทำตลาดของสหพัฒน์ ไม่เน้นการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ แต่จะเน้นต่อยอดจากแบรนด์เดิมที่มีอยู่ อาทิ การเปิดตัวรสชาติ กลิ่นใหม่มากกว่า พร้อมกันนี้ยังเน้นการทำโปรโมชั่นในแต่ละพื้นที่มากขึ้น จากการทำตลาดในลักษณะดังกล่าวมากว่า 2 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้การทำตลาดจะเน้นในวงกว้างมากกว่า นอกจากนี้ยังได้ปรับลอจิสติกส์ใหม่ โดยนำระบบ Vendormanager Inventory หรือการตรวจสอบสินค้าที่จำหน่ายได้ เพื่อช่วยลูกค้าไม่จำเป็นต้องสต็อกสินค้าไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งระบบดังกล่าวจะขยายสู่ยี่ปั๊วและซาปั๊วต่อในอนาคต
อีกทั้งปีนี้ยังเน้นการรับเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยยึดหลักเกณฑ์สินค้าที่สามารถไปในช่องทางเดียวกับสินค้าในเครือสหพัฒน์ได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ากว่า 10 แบรนด์ อาทิ การจำหน่าย ขนมคบเคี้ยว เกลือ และน้ำตาล ล่าสุดได้รับจัดจำหน่ายให้กับอุตสาหกรรมปรีดา จำกัด ผู้ผลิตซอสหอยนางรมตราราชา และบริษัท ไทยนครพัฒนา จำหน่ายยาซาร่า และยาดมเจ้าคุณ ทั้งนี้คาดว่ารายได้จากการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามี 2,000ล้านบาท ขณะที่รายได้หลักยังมาจากการจำหน่ายสินค้าในเครือ ได้แก่ ไลอ้อน 4,000-5,000 ล้านบาท และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า 6,000-7,000 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% หรือ 1.7-1.9 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโต 12%
|
|
|
|
|