|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
อุตสาหกรรมไทยปรีดา ปรับตัวสร้างแบรนด์"ราชา"แทนการรับจ้างผลิต เล็งขยายเครื่องปรุงรสครบไลน์ทะลวงเจาะนิชมาร์เก็ต แม่บ้านสมัยใหม่ ทุ่ม 100 ล้านบาท ปั้นซอสหอยนางรมบูมแบรนด์แจ้งเกิด แต่งตั้งสหพัฒน์จัดนำหน่าย สิ้นปีโกยแชร์ 5% กวาดรายได้รวม 220ล้านบาท
นายประภากร วีระพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท อุตสาหกรรมไทยปรีดา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซอสหอยนางรมและน้ำปลาตราราชา เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดจากนี้บริษัทจะหันมารุกสร้างแบรนด์"ราชา"ในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากที่บริษัทอยู่ในตลาดน้ำปลาและน้ำมันหอยนางรมมากกว่า 60 ปี เน้นการรับจ้างผลิตในสัดส่วนถึง 60% และแบรนด์ราชา 40% ขณะที่การจัดจำหน่ายเน้นผ่านช่องทางแคทอริ่งในสัดส่วนถึง 90% ส่วนอีก 10% เป็นรีเทลในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น
ดังนั้นปีนี้บริษัทจะปรับสัดส่วนทำแบรนด์ของตัวเองเพิ่มเป็น 60% และการรับจ้างผลิต 40% โดยได้เตรียมขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมเครื่องปรุงรสในอนาคต โดยวางตำแหน่งสินค้าอยู่ในระดับพรีเมียม จากปัจจุบันมีเพียงน้ำปลาและซอยหอยนางรมเท่านั้น ซึ่งการเปิดตัวสินค้าเน้นเจาะตลาดนิชมาร์เก็ตเป็นหลักมากกว่า เนื่องจากตลาดเครื่องปรุงรสผู้บริโภคมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูง ซึ่งในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 1-2 ตัว โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าที่อยู่การพัฒนาอีกหลายตัว และบางตัวได้ส่งออกไปยังต่างประเทศแล้ว อาทิ ซอสผัดกะเพา และซอสพริกไทย
ทั้งนี้การกลับมาสร้างแบรนด์ราชา บริษัทจะรุกตลาดน้ำมันหอยนางรมหลังจากที่เพิ่งเปิดตัวลงสู่ตลาดเมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมานี้ เนื่องจากสภาพตลาดมูลค่า 900 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มเครื่องปรุงรส คือ 5-10% เมื่อเทียบกับตลาดน้ำปลามูลค่า 1,600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 0.5-1% เท่านั้น ส่วนตลาดรวมเครื่องปรุงรสโดยรวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5-10%
สำหรับปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดน้ำมันหอยนางรม 100 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาใช้งบโดยรวม 30 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกทุ่มงบ 30 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาแคมเปญ"ปรุงอร่อย ถึงรสชาติฮ่องกงแท้ๆ" ซึ่งถือว่าเป็นการใช้แมสมีเดียครั้งแรกในรอบ 60 ปี ทั้งนี้เพื่อสร้างการจดจำตราสินค้าในวงกว้าง โดยกลุ่มแม่บ้านสมัยใหม่อายุ 20-40 ปี โดยคาดว่าส่วนบางตลาดปีแรก 5% จากมูลค่า 900 ล้านบาท ส่วนผู้นำตลาดเป็นซอสหอยนางรมตราแม่ครัวมีส่วนแบ่ง 60-70% อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทจะเปิดตัวสินค้าลงสู่ตลาดใหม่ 1-2 ตัว โดยเน้น
นอกจากนี้ปีนี้บริษัทยังหันมารุกช่องทางจำหน่ายผ่านรีเทลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งได้แต่งตั้งให้สหพัฒน์เป็นตัวแทนกระจายสินค้าผ่านทางยี่ปั๊ว-ซาปั๊วมากกว่า 6 หมื่นร้านค้า นำร่องโดยกระจายซอสน้ำมันหอยนางรมก่อน ทั้งนี้หากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปีหน้านี้ได้เตรียมพิจารณาให้สหพัฒน์เป็นผู้กระจายสินค้าน้ำปลาต่อ
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 220 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมีรายได้ 120 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น น้ำปลา 120 บาท ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 5 % เป็นอันดับ 4-5 ของตลาด ส่วนผู้นำตลาดเป็นน้ำปลาตราทิพรส 60% และซอสหอยนางรมตั้งเป้ามีรายได้ 100 บาท ส่วนรายได้จากการส่งออกตั้งเป้า 30-40 ล้านบาท จากการส่งออกไป 20 ประเทศ อาทอ ยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกา เป็นต้น
|
|
|
|
|