พานาโซนิคไทย เปิดแผนรุกระยะกลาง 2550-2552 วางเป้าหมายรายได้ทะลุ 1 แสนล้านบาท ส่งออกกว่า 78% พร้อมงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท สอดรับนโยบายบริษัทแม่ให้ไทยเป็นตลาดสำคัญสร้างรายได้ 5% ของตลาดส่งออกของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น คาดหวังขึ้นเป็นผู้นำ 3 ตลาดใหญ่ ทีวี ตู้เย็น แอร์
นายไดโซ อิโตะ ซีอีโอ กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทยเปิดเผยว่า บริษัทแม่ของพานาโซนิคที่ประเทศญี่ปุ่นมีแผนลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้กำหนดแผนงานในช่วง 3 ปีนับจากนี้ไว้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2550-2552 ในการรุกทำตลาดไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานของบริษัทแม่
โดยในช่วง 3 ปีงบประมาณที่ผ่านมาทางกลุ่มพานาโซนิคได้ลงทุนในไทยไปแล้วทั้งในส่วนของโรงงานการผลิต การตลาด ประชาสัมพันธ์ต่างๆ รวมประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท โดยในแผนงานระยะกลางอีก 3 ปีจากนี้ไป จะใช้งบประมาณลงทุนอีกไม่ต่ำกว่าที่ผ่านมาซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำรายละเอียดเสนอบริษัทแม่
ทั้งนี้ตามประมาณการตัวเลขอัตราผลประกอบการที่ตั้งไว้นั้นในอีก 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจในกลุ่มของพานาโซนิคในประเทศไทยที่มีประมาณ 23 บริษัท จะต้องมีรายได้ประมาณ 100,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 67,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากบริษัทด้านการขาย 19 บริษัท นอกนั้นเป็นบริษัทเกี่ยวกับการบริหารโดยรวมการบริหารโรงงาน บริหารการเงิน บริษัทประกัน
ปัจจุบันพานาโซนิคในไทยมีสัดส่วนรายได้จากตลาดในประเทศประมาณ 33% ส่วนสัดส่วนรายได้จากการส่งออกมี 67% ขณะที่อีก 3 ปีข้างหน้านั้นสัดส่วนจะเป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 78% ส่วนรายได้ในประเทศเหลือประมาณ 22% แต่ก็มาจากฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งฐานตลาดส่งออกของไทยหลักๆจะอยู่ที่ กัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม อมริกา โอเชียเนีย และญี่ปุ่นบางส่วน โดยเป็นส่งออกสินค้าพวกเอชเอและเอวีสำเร็จรูป และอะไหล่ต่างๆ รวมแล้วมีตลาดส่งออกประมาณ 25 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม ฐานการผลิตที่ส่งออกหลักๆนั้นมาจากญี่ปุ่น นอกนั้นก็มาจากมาเลเชีย เช่นส่งออกทีวี แอร์ เป็นต้น ส่วนไทยนั้นติดในระดับท็อปเท็นของการเป็นฐานการส่งออก
"แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยในขณะนี้จะมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดอยู่เสมอ แต่พานาโซนิคก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงการลงทุน ยังคงลงทุนในไทยต่อเนื่อง แต่ในความเห็นส่วนตัวแล้ว ในภูมิภาคเอเชียนี้ สามประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดเรียงตามลำดับคือ ไทย เวียดนาม อินเดีย เป็นศูนย์กลางน่าลงทุน แต่ตอนนี้เวียดนามมาแรงมาก เพราะตลาดเริ่มเปิด และเวียดนามเพิ่งเข้าสู่ระบบดับบลิวทีโอต้นปีนี้ ตลาดก็ใหญ่มาก มีหลายประเทศสนใจเข้าไปลงทุน ซึ่งบริษัทแม่ของพานาโซนิคก็มีแผนเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เป็นการย้ายฐานลงทุนจากไทยไป เช่น แผนการลงทุนผลิตด้านอะไหล่ และชิ้นส่วนระบบต่างๆ แต่ที่มีแล้วก็เช่น โรงงานผลิตทีวี และสินค้ากลุ่มเอเอบางอย่าง"
ทั้งนี้นายฟุมิโอะ โอซึโบะ ประธานกลุ่มมัตสุชิตะ ญี่ปุ่น กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตามแผนธุรกิจระยะกลางสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2553 ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 10 ล้านล้านเยนหรือมากกว่า ซึ่งรายได้จากต่างประเทศนอกญี่ปุ่นจะมีประมาณ 60% และสามารถสร้างอัตราผลกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 10% ผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้นเท่ากับ 10% อัตราส่วนยอดขายสินค้าที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับต้นๆของโลกเท่ากับ 30% โดยที่ตลาดในประเทศไทยนั้น รายได้ที่ประมาณว่าจะมีถึง 100,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีจากนี้ จะมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 5% จากสัดส่วน 60% ของรายได้จากต่างประเทศทั้งหมดของบริษัทแม่ ซึ่งไทยจัดอยู่ในกลุ่มของตลาดจีน และประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย ไม่รวมญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทแม่ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นอีก 340พันล้านเยนในอีก 3 ปีข้างหน้า จากขณะที่เวลานี้มี 3 ล้านล้านเยน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในไทยนั้น นายไดโซ กล่าวว่า ในแต่ละตลาดจะมีการทำตลาดเต็มที่และมีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยในส่วนของตลาดทีวี ขณะนี้พานาโซนิคมีแชร์รวม 20% (แบ่งเป็น พลาสม่า 30% แอลซีดี 10% และซีอาร์ที 21%) มีเป้าหมายจะเพิ่มแชร์รวมเป็น 30% ในปี 2009 ซึ่งบริษัทฯจะใช้กลยุทธ์ วี โปรดักต์ หรือ ( V-products) ซึ่งหมายถึงสินค้าแห่งชัยชนะ คือ ทีวีพลาสม่าดิสเพลย์ เครื่องซักผ้าถังเฉียง เครื่องเป่าผมที่มีไอออนิตี้ เป็นต้น ที่จะมีการสร้างมูลค่าเพิ่มกับตัวสินค้ามากขึ้น
ส่วนตลาดกล้องดิจิตอลนิ่ง ในรอบปีนี้คาดว่าจะมีแชร์ประมาณ 12% หรือประมาณ 1 แสนเครื่อง เป้าหมายเพิ่มแชร์เป็น 20%ปัจจุบันในตลาดหลัก 3 ตัวคือ ทีวี เย็น และแอร์ เป็นตลาดที่แข่งขันรุนแรง ซึ่ง ในส่วนของพานาโซนิค ยังคงเป็นเจ้าตลาดทีวีโดยรวม และมีเป้าหมายที่จะขายได้ 5 แสนเครื่องในปี 2008 ส่วนกลุ่มตู้เย็น ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่สอง มีแชร์ประมาณ 18% เป้าหมายปีหน้าเพิ่มแชร์เป็น 20% ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องขายให้ได้มากกว่า 270,000 ตัว จากตลาดรวมปีนี้ที่คาดว่าจะมีประมาณ 1.2 ล้านตัว ขณะที่ตลาดแอร์นั้นพานาโซนิคอยู่ในอันดับที่สองเช่นกันมีแชร์ประมาณ 21% จากตลาดรวมประมาณ 670,000 ตัวปีที่แล้ว ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องขายให้ได้ 150,000 เครื่อง จึงจะเป็นผู้นำได้
"การที่พานาโซนิคจะเป็นผู้นำในตลาดกลุ่มใดก็ตาม ในต่างประเทศหรือในตลาดโลก เราจะต้องเป็นที่หนึ่งหรือผู้นำตลาดในไทยให้ได้ก่อน เพราะในตลาดไทยนั้นถือว่าแข่งขันรุนแรงมากโดยเฉพาะในเรื่องของราคา ถ้าเราเป็นผู้นำได้ในไทย ส่วนในตลาดโลกก็ไม่น่ามีปัญหา" นายไดโซกล่าว
|